วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2561

เหรียญรุ่นแรก หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์


เหรียญรุ่นแรก หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์
หลวงปู่ชอบ ฐานสโม พระอรหันต์ กรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น พระอภิญญาสมัยพุทธกาล ที่ศิษยานุศิษย์และประชาชนให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะวัตถุมงคลของท่านเป็นที่นิยมและมีราคาแพงซึ่งนับวันจะหายากยิ่ง
เหรียญรุ่นแรก หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์ บ้านโคกมน ตำบลผาน้อยอำเภอวังสะพุง จ.เลย ปี 2514  "เหรียญพระจันทร์ทรงกลดรัศมี " ประวัติการสร้าง จากข้อมูลบันทึกของวัดป่าสัมมานุสรณ์ โดยหลวงพ่อบัวคำ มหาวีโร อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าสัมมานุสรณ์และ พระอาจารย์นรินทร์ สุททธจันโธ อดีตพระเลขาและอุปัฏฐากหลวงปู่ชอบ บันทึกไว้ว่า....... เหรียญรุ่นแรกหลวงปู่ชอบจัดสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2514 ผู้ขออนุญาตจัดสร้าง คือ คุณปิยะ งามเอก และนาวาเอกเกษม งามเอก เพื่อเป็นที่ระลึกมอบให้สำหรับศิษย์ และ ผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคปัจจัยสร้างโบสถ์น้ำวัดป่าสัมมานุสรณ์ จำนวนทั้งสิ้น 4125 เหรียญ แบ่งเป็น
1. เหรียญเนื้อทองคำ จำนวน 1 เหรียญ
2. เหรียญเนื้อเงิน 20 เหรียญ
3. เหรียญเนื้ออัลปาก้า 104 เหรียญ
4. เหรียญเนื้อฝาบาตร 1000 เหรียญ นำไปกะหลั่ยทอง 300 เหรียญ
5. เหรียญเนื้อทองแดง 3000 เหรียญ นำไปกะหลั่ยเงิน 300 กะหลั่ยทอง 2000 รมดำ 700 เหรียญ
โดยเหรียญทองคำเหรียญเดียวนี้ คุณปิยะ งามเอก ผู้สร้างมีความศรัทธาเป็นอย่างยิ่งในองค์หลวงปู่ชอบ จึงได้ขออนุญาตสร้างเป็นเนื้อทองคำ ซึ่งเป็นเพียงรุ่นนี้รุ่นเดียวในการขอสร้างเหรียญรุ่นแรกของครูบาอาจารย์องค์อื่นในสายพระกรรมฐาน ที่ตระกูลงามเอกจัดสร้างช่วงเวลานั้น ส่วนเนื้อเงิน จำนวน 20 เหรียญ หลวงปู่ได้คืนให้คณะผู้สร้าง 12 เหรียญ อีก 8 เหรียญ หลวงปู่ได้มอบให้ศิษย์พระอุปัฏฐาก 4 องค์ รุ่นทายาทธรรม ส่วนอีก4 เหรียญและเนื้ออื่นๆอีก 76 เหรียญ หลวงปู่ได้ให้ศิษย์พระอุปัฏฐากใกล้ชิด พระอาจารย์จันทร์เรียน คุณวโร นำขึ้นไปบรรจุไว้ในยอดเจดีย์วัดป่าสัมมานุสรณ์ พร้อมกับเหล็กไหล และ พระกริ่งรูปเหมือน ที่จัดสร้างก่อนหน้านั้น ( ปี 2513) โดยกงศุลสถานทูตประเทศไทย ณ กรุงเวียงจันทร์ ประเทศลาว เมื่อ 12 กุมภาพัน์ 2524  
นิมิตหมายของที่มาของเหรียญ "เหรียญพระจันทร์ทรงกลดรัศมี " ในคืนที่คณะผู้ขออนุญาตสร้างเหรียญรุ่นแรกนี้ ได้พักอยู่ที่วัดป่าสัมมานุสรณ์ เกิดเหตุการณ์ พระจันทร์ทรงกลด เหนือกุฏิของหลวงปู่ เกิดความสว่างไสวแสงเป็นรัศมีกระจายออกมาให้คณะผู้สร้างได้เห็น คณะผู้สร้างจึงได้เอานิมิตหมายที่เห็น " พระจันทร์ทรงกลดรัศมี " มาเป็นแบบในการจัดสร้างเหรียญรุ่นแรกนี้









ประวัติ  หลวงปู่ชอบ ฐานสโม
           หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ท่านเกิดที่บ้านโคกมน เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2444 ชื่อว่า บ่อ แก้วสุวรรณ มีพี่น้อง 4 คน ท่านเป็นลูกชายคนโต ที่มีนิสัยเด็ดเดี่ยวมาตั้งแต่เด็ก ว่านอนสอนง่าย ช่วยเหลืองานบ้าน พูดน้อย ไม่ชอบคลุกคลีกับเพื่อน มีใจเป็นบุญไม่ชอบล่าสัตว์ ต่อมาครอบครัวท่านย้ายมาอยู่ที่บ้านหนองบัวบาน ต.เชียงพิณ จ.อุดรธานี อยู่ได้ 3 ปี พ่อของท่านก็ถึงแก่กรรม ขณะที่ท่านอายุได้ 11 ปี ภาระหนักช่วยดูแลครอบครัวจึงอยู่กับท่าน
เมื่อท่านอายุได้ 14 ปี มีพระธุดงค์ ชื่อพระอาจารย์พา เป็นญาติท่านมาเยี่ยมโยมแม่ ท่านได้ไปปรนนิบัติรับใช้ พระอาจารย์พาถามเรื่องใด ท่านมักตอบว่า "ชอบครับ" พระอาจารย์พาจึงเรียกท่านว่า "เด็กชายชอบ" ชื่อของท่านจึงเปลี่ยนเป็น ชอบ มาตั้งแต่นั้น
ท่านได้บวชเป็นผ้าขาวถือศีล 8 ออกติดตามพระอาจารย์พาไป พ.ศ.2462 อายุ 19 ปี พระอาจารย์พาได้ขออนุญาตโยมแม่ให้บวชเป็นสามเณรที่วัดบ้านนาแก ต.นากลาง จ.อุดรธานี พระอาจารย์พาได้พาท่านไปพักกับหลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม
ท่านบวชเป็นสามเณรได้ 5 พรรษา อายุ 23 ปี พระอาจารย์พาได้พาท่านไปอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดสร้างโคก (วัดศรีธรรมาราม) จ.ยโสธร เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2467 ได้รับฉายาว่า ฐานสโม ท่านถือธุดงค์วัตร 13 ข้อ ตั้งแต่พรรษาแรกที่บวช ใช้คำภาวนาพุทโธ จิตโลดโผน รู้เห็นสิ่งลึกลับได้ พ.ศ.2468 ท่านจำพรรษากับหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล ที่วัดสุปัฏนาราม จ.อุบลราชธานี พ.ศ.2469 ท่านจำพรรษาที่วัดศรีมงคลเหนือ จ.มุกดาหาร หลังออกพรรษาหลวงปู่เสาร์มาชวนท่านเดินธุดงค์ข้ามไปฝั่งลาวลัดเลาะริมโขงไปภูเขาควาย เจอผีกองกอย มารบกวน กลับมาฝั่งไทยที่ อ.เชียงคาน จ.เลย ท่านได้แยกกับหลวงปู่เสาร์ที่บ้านท่าดีหมี โดยท่านจะกลับไปบ้านหนองบัวบาน เพื่ออนุเคราะห์โยมแม่ของท่าน
ปี พ.ศ.2470 โยมแม่ของท่านอยากจะบวชเป็นแม่ชีท่านจึงพาไปบวชแม่ชีกับพระอาจารย์บุญ ปัญญาวุโธ ที่วัดป่าหนองวัวซอ และปีนี้ได้มีหลวงปู่หลุย จันทสาโร และหลวงปู่ขาว อนาลโย อยู่จำพรรษาด้วย ช่วงปี พ.ศ.2470 ท่านได้เดินทางไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่บ้านสามผง จ.นครพนม เวลาประมาณบ่ายสามโมงถูกหลวงปู่มั่นดุและว่าให้ไล่หนี ท่านว่าถูกฟ้าผ่าแล้งท่าน จึงไปพักที่วัดศรีวิชัย พอรุ่งเช้ามีครูบาเทสก์ เทสรังสี มาตาม พอไปถึงหลวงปู่มั่น ยิ้มให้และพูดว่าพอบอกสอนได้อยู่ ท่านจึงดีใจมาก ได้พักอยู่กับหลวงปู่มั่นระยะหนึ่ง
พ.ศ.2471 โยมแม่เรียกที่กุฏิให้ไปดูพระนางมัทรีที่ศาลา พอท่านลงจากกุฏิไม่กี่ก้าวต้นไม้ใหญ่ล้มทับกุฏิท่านแหลกไปทั้งหลัง หลวงปู่หุลุย มาช่วยค้นหาท่านนึกว่าครูบาชอบตายแล้ว ไปดูที่ศาลาก็ไม่เห็นนางมัทรี
พ.ศ.2473 ท่านเดินทางไปพบหลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม ที่จังหวัดขอนแก่น ช่วยเผยแพร่พระพุทธศาสนา พ.ศ.2474 หลวงปู่สิงห์กับท่าน และคณะเดินทางไป จ.นครราชสีมา และ พ.ศ.2475 ท่านช่วยสร้างวัดป่าสาละวันด้วย
พ.ศ.2476 ท่านเดินธุดงค์จาก จ.นครราชสีมา ถึงถ้ำนายม จ.เพชรบูรณ์ มีผู้เฒ่าผ้าขาวสำเร็จเป็นพระอนาคามีอยู่ด้วย ท่านนิมิตเห็นเทวดาถามตาผ้าขาวว่าท่านสำเร็จถึงขั้นไหน ตาผ้าขาวไม่ตอบให้ไปถามท่านเอง ทำให้ท่านรู้สึกอายอย่างมากท่านจึงทำความเพียรอย่างหนัก อดอาหาร 15 วัน อดหลับอดนอน 15 คืน ตาอักเสบไม่สามารถมองแสงสว่างได้ ร่างกายอ่อนเพลียจนมีเทพธิดามาถวายโอสถทิพย์ให้กับท่าน ท่านได้สนทนาธรรมกับตาผ้าขาวและปฏิบัติได้ปัญญา ดวงตาเห็นธรรม เชื่อมั่นพระพุทธศาสนาไม่สงสัยบรรลุพระโสดาบัน เป็นพระอริยะบุคคลชั้นต้นในพระพุทธศาสนา
ธุดงค์จากถ้ำนายมไป จ.เชียงใหม่ ตามหาหลวงปู่มั่น ระหว่างทางเวลากลางคืนพบเสือใหญ่ 2 ตัว มาดักทางข้างหน้าและข้างหลัง ท่านกลัวเสือมาก แต่มีสติ นึกพุทโธในใจให้สงบ เมื่อจิตถอนออกมาก็ไม่พบเสือเลย
พ.ศ.2477 พักอยู่กับหลวงปู่มั่นที่ป่าเมี่ยง จ.เชียงใหม่ ท่านนิมิตเห็น หลวงปู่อ่อน ญาณสิริและหลวงปู่ฝั้น อาจาโร เดินทางมากราบหลวงปู่มั่นด้วย พักอยู่กับหลวงปู่มั่นที่ถ้ำดอกคำ อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ วันนั้นเวลาบ่าย 4 โมงเย็น ท่านนั่งสมาธิที่กุฏิ จิตสว่างไสวกลับวูบลง มีเสียงกึกก้องกัมปนาท ท่านส่งจิตออกนอกเห็นเทพยาดาทุกชั้นฟ้ามากราบหลวงปู่มั่นท่านจึงออกจากสมาธิเพื่อสรงน้ำหลวงปู่มั่น หลวงปู่มั่นพูดว่า วันนี้เราได้บรรลุธรรมธาตุ ก้าวล่วงพ้นไปจากความทุกข์ทั้งมวลแล้ว ถ้าท่านอยากจะสำเร็จก็อย่าละความเพียร ที่ของท่านไม่ใช่เมืองไทยแต่อยู่เมืองพม่า
ที่บ้านป่าเมี่ยงท่านนิมิตเห็นพญานาคมิจฉาทิฐิ มาพ่นพิษใส่ในน้ำให้พระเณรใช้ เกิดการเจ็บป่วย ท่านได้แจ้งบอกหลวงปู่มั่น หลวงปู่มั่นจึงได้แสดง ธรรมโปรดพญานาคจนคลายมานะทิฐิถอนพิษของจนไปจากน้ำทั้งหมด
หลวงปู่ชอบท่านธุดงค์ทางภาคเหนือท่านได้ไปพักกับครูบาเจ้า ศรีวิชัย และได้ช่วยกันบูรณะสร้างพระธาตุศรีวิชัย อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
พ.ศ.2481 ท่านกับหลวงปู่พรม จิรปุญโญ เดินธุดงค์เข้าพม่าด้วยกันแต่หลวงปู่พรมจะไปที่เมืองมัณฑาเล หลวงปู่ชอบจะเข้าป่าภาวนาจึงได้แยกทางกัน พ.ศ.2483 จึงกลับมาประเทศไทยอยู่ที่บ้านแม่ระงอง จ.เชียงใหม่ นิมิตเห็นภูตผีย้ายครอบครัวมาจากภาคอิสาน
พ.ศ.2484 ท่านธุดงค์ไปพม่าครั้งที่ 2 มีพระสี พระสงข์ ตาผ้าขาวแหล่ไปด้วยท่านนิมิตเห็นวิญญาณเศรษฐีคำแสง มาบอกสมบัติเก่า ท่านจึงได้ไปดูจึงรู้ว่ามีอยู่จริงแต่ไม่ได้ไปเอาเพราะท่าน บวชมหานิพพาน ไม่ได้บวชมหาสมบัติ
เจอผีตายท้องกลมมารบกวนแต่มาทำอะไรท่านไม่ได้ ได้แต่จะปลุกปล้ำพระสี พระสังข์แทบไม่ได้เป็นอันภาวนาเลย และท่านได้แสดงธรรมโปรดวิญญาณทหารที่ยึดติดกับค่ายทหารให้ละความยึดถือไปเกิดเป็นมนุษย์ ที่บ้านกระเหรี่ยงดอยไม้แดงนี้ท่านได้ทำลาย กามราคะมองดูชายหญิงเป็นเพียงสมมติบรรลุเป็นพระอนาคามี

            17. ที่พม่าท่านทำความเพียรอย่างหนัก และอดอาหารจากหลายสถานที่พบกับฤาษีตองฉู่ ฤาษีตองฉู่ได้ทำอาหารถวายท่าน ท่านฉันจนหมดเกลี้ยง ท่านนิมิตเห็นเทวดาตีฆ้องร้องป่าวประกาศ ร่วมอนุโมทนาบุญกับฤาษีตองฉู่ ท่านจึงบอกฤาษีตองฉู่ว่า ฝันว่าเทวดามาอนุโมทนาด้วยฤาษีตองฉู่ยินดียิ่งนัก จิตท่านหมุนเป็นธรรมจักร มีพระอรหันต์ในสมัยพุทธกาลมาเยี่ยมและแสดงธรรมโปรด คือ พระมหากัสสปะ พระภากุละ และ พระอนุรุธทะท่านรู้สึกปิติ และอิ่มเอิบในธรรมเป็นอย่างมาก และหลวงปู่มั่นก็มาแสดงธรรมในสมาธิภาวนาเสมอ
พ.ศ.2487 อายุ 43 ปี พรรษาที่ 20 ท่านจำพรรษาอยู่ที่ถ้ำหมีเก่า บ้านหนองยวนประเทศพม่าท่านนิมิตเห็นโยมแม่บ่อยมากท่านพิจารณารู้ว่าโยมแม่ป่วยหนักมาก และถึงแก่กรรมแล้วท่านก็อนุโมทนาที่โยมแม่ตายคาผ้าขาว(แม่ชี) วันหนึ่งของเดือนสิงหาคม เวลา สามทุ่ม จิตของท่านสว่างไสว ท่านเห็นอวิชชา โลกธาตุ เกิดการระเบิดสั่นไหวทั้งจักรวาลดับสูญสิ้นอาสวะกิเลสจิตเป็นธรรมธาตุอยู่เหนือสมมติ การเกิดของท่านไม่มีอีกแล้ว มีแต่ปัจจุบันที่เป็นธรรมธาตุเท่านั้น ท่านสำเร็จได้ด้วยวิชชา 3 เป็นพระอรหันต์สาวกในสมัยปัจจุบัน ท่านว่าเคยเกิดเป็นพ่อค้าขายผ้า ชาวลาวมาทานผ้าขาวหนึ่งวาและเงิน 50 สตางค์ บูชาถวายพระธาตุพนม อธิฐานขอให้ได้บวชได้พ้นทุกข์
ออกพรรษาปี พ.ศ.2487 ท่านต้องเดินทางกลับประเทศไทยเพราะภัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เพราะผลกรรมของท่านเกิดเป็นชาวพม่า มารบกับไทยแต่ยังไม่ได้ฆ่าใคร ก็อดอาหารตายเสียก่อนเพราะท่านไม่ยอมทำชั่วปล้นฆ่าชาวบ้านเหมือนเพื่อนท่าน ที่ทุกวันนี้ยังตกนรกอยู่ ไม่อย่างนั้นท่านคงยังไม่ได้มาเกิดมาบวช จนถึงทุกวันนี้ ระหว่างหลงทาง ท่านอดอาหารอยู่ 3 วัน จึงมีเทวดามาใส่บาตรและบอกเส้นทางกลับประเทศไทยได้สำเร็จ
พ.ศ.2488 หลวงปู่ชอบ หลวงปู่ขาว หลวงปู่แหวน อยู่ด้วยกันที่วัดป่าห้วยน้ำริน จ.เชียงใหม่ เปิดธรรมธาตุให้กันฟัง หลวงปู่ชอบ หลวงปู่ขาวได้ชวนหลวงปู่แหวน กลับภาคอิสาน แต่หลวงปู่แหวนบอกว่าถ้าผมยังไม่ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ผมจะยังไม่คิดกลับภาคอิสาน ที่วัดนี้มีพญานาคขึ้นมารักษาศีลวันอุโบสถ และถวายภัตตาหารกับท่าน
หลวงปู่ชอบ หลวงปู่ขาวจะได้ไปวัดป่าบ้านหนองผือ จ.สกลนคร เพื่อกราบหลวงปู่มั่น ผ่านเทือกเขาภูพานท่านทั้งสอง ไม่มีน้ำใช้ น้ำฉัน สักครู่ก็มีน้ำผุดขึ้นมาจากผิว ดินเป็นลำธารจนท่านใช้และฉันเสร็จแล้วน้ำก็แห้งหายไปในดินเอง หลวงปู่ขาวถามว่าท่านชอบละซิ ท่านว่าเพียงแต่รำพึงในใจเท่านั้นว่า เทวดาไม่สงสารพระบ้างหรือ จะปล่อยให้พระอดน้ำตาย เมื่อถึงวัดป่าบ้านหนองผือ หลวงปู่ชอบท่านได้ช่วยงานหลวงปู่มั่น คือ ช่วยดูแลพระเณรไม่ให้คิดออกนอกลู่นอกทาง หรือปฏิบัติไม่ถูกต้อง ท่านจะตักเตือนทันที และช่วยแสดงธรรมโปรดเทพเทวดา แทนหลวงปู่มั่น
พ.ศ.2492 ท่านอยู่ที่วัดป่าผาแด่น นิมิตเห็นหลวงปู่มั่นนิพพานแล้ว มาบอกให้ไม่ต้องไปงานศพท่านจึงไม่ได้ไปงานพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่มั่น เพราะเชื่อฟังคำพระอาจารย์ พ.ศ.2493 มีงานประชุมสงฆ์ ที่วัดเจดีย์หลวง จ.เชียงใหม่ ท่านลงมาจากวัดป่าผาแด่น ท่านและโยมเสาร์ (ที่ชายในอดีตชาติ) ข้ามไปไม่ได้เพราะมีน้ำป่าไหลหลากเต็มตลิ่ง ท่านยืนพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งน้ำป่าก็แห้งลง ท่านและโยมเสาร์จึงเดินข้ามไปได้ไม่กี่ก้าวน้ำป่าก็ไหลทะลักอย่างบ้าคลั่งเต็มตลิ่งตามเดิม
หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโต มาประชุมสงฆ์ที่วัดเจดีย์หลวง ไม่รู้จักหลวงปู่ชอบ พอกลับกรุงเทพพักที่วัด บรมนิวาส ถามท่านพ่อลี วัดอโศการาม ว่าหลวงปู่ชอบเป็นใคร ท่านพ่อลีบอกว่านั่นลูกศิษย์มีอภิญญาสายหลวงปู่มั่น เท่านั้นหลวงปู่บุญฤทธิ์รีบเก็บบริขารจะไปจำพรรษากับหลวงปู่ชอบทันที เพราะเคยรู้ว่ามีพระอภิญญาสมัยพุทธกาล
พ.ศ.2501 ผู้ใหญ่ถัน วงษา ถวายที่ดิน ท่านเริ่มสร้างสำนักสงฆ์ เนื่องจากท่านเคยเกิดเป็นกวาง อยู่ที่บ้านวังม่วง ถูกยิงวิ่งหนีมาตายที่บริเวณแห่งนี้ท่านได้พาชาวบ้านรื้อหอศาลปู่ตา พาชาวบ้านทำวัตร สวดมนต์ทุกวัน พ.ศ.2503 ได้ใบตราตั้งเป็นวัดป่าสัมมานุสรณ์ พ.ศ.2514 ท่านเริ่มสร้างโบสถ์กลางน้ำ และท่านภาวนานิมิตเห็นกระดูกซีกซ้ายของท่านแตกละเอียด ท่านเริ่มมึน ชาแขนขาซีกซ้าย ทำให้ท่านเป็นอัมพาต ตั้งแต่นั้นมา พ.ศ.2518 ท่านเริ่มสร้างเจดีย์อยู่โบสถ์ขึ้น
พ.ศ.2524 ท่านสร้างวัดป่าโคกมนบริเวณป่าช้าวังหินโง้น เนื่องจากท่านเกิดเป็นหมีถูกยิงหนีมากินน้ำและตายที่หินโง้น ต่อมาหลวงปู่มั่นมาพักปักกลดที่หินโง้น ท่านจึงสร้างวัด เพื่อบูชาคุณหลวงปู่มั่น
ปลายปี พ.ศ.2537 ท่านเริ่มป่วย มีไข้ปอดขึ้น ได้ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราชระหว่างทางที่จะมาละสังขารที่วัดท่านก็มรณภาพจากอาการน้ำท่วมปอด เป็นวันพระ แรม 8 ค่ำ ตรงกับวันที่ 8 มกราคม 2538 เวลา 11.38 น. รวมอายุได้ 94 ปี 71 พรรษา ตลอดมา ท่านเป็นผู้มักน้อยสันโดษ รักษาธุดงค์วัตรด้วยดีคลอด ชอบอยู่โดดเดี่ยวในป่าเขา เป็นที่รักของเทพเทวดา อินทร์พรหม พญานาค และมนุษย์ทั้งหลาย ถ้าท่านไม่ป่วยเป็นอัมพาตก็ยากที่สาธุชนจะได้กราบและทำบุญกับท่าน มีงานพระราชทานเพลิงศพท่าน ณ เมรุ วัดป่าสัมมานุสรณ์ เมื่อจันทร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2539 เจดีย์นี้สร้างคลอบบริเวณเมรุที่เผาศพสรีระสังขารท่าน และได้บรรจุอัฐิธาตุของท่านไว้เมื่อวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2547

ภาพ http://www.tintin.99wat.com

1 ความคิดเห็น:

  1. อยากจะขายรึให้คับมีเนื้อฝาบาทกะหลิ่งทองนึ่งเหรียญ ราคา สองหมื่น

    ตอบลบ