วัดสร่างโศก คลองด่าน บางบ่อ สมุทรปราการ
วัดสร่างโศก (หรือวัดมอญในอดีต) คลองด่าน
สมุทรปราการ เป็นวัดเก่าแก่ที่มีอายุราวประมาณ 300 กว่าปี อยู่ติดริมน้ำใกล้ปากคลองที่จะลงสู่ทะเลไปทางทะเลอ่าวไทย
วัดสร่างโศก สร้างประมาณ พ.ศ. 2300 ไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้าง
และได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ให้สมบูรณ์เมื่อ พ.ศ. 2360 ตามหลักฐานของกรมที่ดิน ช่วงที่ 41 ระบุชื่อวัดนี้ว่า
"วัดปากอ่าว" แต่ชาวบ้านนิยมเรียกว่า "วัดมอญ"
เพราะอยู่ใกล้คลองมอญตามที่ปรากฏในระวางที่ดินและบริเวณนี้มีชาวบ้านมอญอาศัยอยู่มากด้วย
แต่จากการบอกเล่าสืบต่อกันมาบ้างก็บอกว่าชื่อ "วัดอัฏฐวราราม"
เพราะมีกุฎี 8 หลัง
บ้างก็เรียกว่า "วัดอัศวราราม"
เพราะวัดนี้เป็นที่ตั้งกองทัพม้าของพระเจ้าตากสินมหาราช
ต่อมาภายหลังได้รับการเปลี่ยนนามวัดใหม่ โดยสมเด็จพระสังฆราชเจ้า
กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ เป็น "วัดเตลงรมย์" ในปี พ.ศ. 2482 เปลี่ยนนามใหม่เป็น
"วัดโพธิ์ทอง" ครั้นถึง พ.ศ. 2483 ทางราชการได้เปลี่ยนนามวัดเสียใหม่เป็น
"วัดสร่างโศก" เพื่อให้สอดคล้องกับพระนามของ
"พระองค์หญิงโศกสว่าง" พระราชธิดาในสมเด็จพระปิ่นเล้า วัดสร่างโศก
ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อพ.ศ. 2314
วัดสร่างโศก จากประวัติศาสตร์ของชุมชน เล่าต่อกันมาว่า
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงล่องเรือมาจากอยุธยาทางแม่น้ำเจ้าพระยาในฤดูน้ำหลาก
ผ่านหน้าวัดมะกอกตอนใกล้รุ่ง และตั้งใจไว้ว่าจะตั้งกรุงใหม่แถววัดนี้ถ้าชนะศึกพม่า
ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดแจ้งหรือวัดอรุณราชวราราม
เรือแล่นต่อไปจนถึงคลองด่าน ซึ่งเป็นชุมชนจีนชาวประมงมืออาชีพ
เพราะเป็นชาวจีนที่มาจากเกาะหน่ำโปยจิว ทางใต้ของจีนที่มีอาชีพประมงและปลูกผัก
โดยเฉพาะผักกาดขาว พันธุ์เมล็ดผักกาดขาวจากเมืองนี้มีชื่อ เจี๋ยไต๋ก็ใช้เมล็ดพันธ์จากที่นี่
ผู้คนคลองด่านในยุคนั้นเป็นนักเดินเรือ
และชาวประมงมืออาชีพ สืบต่อกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ เป็นผู้รู้ทิศทางลม
ทิศทางเดินเรือ และมีประสบการณ์การออกหาปลา พวกเขาออกไปหาปลาทั่วสารพัดทิศ
คลองด่านยังเป็นชัยภูมิเหมาะที่จะมาต่อเรือ
เนื่องจากเรือที่ "พระเจ้าตาก" นำมาเป็นเรือเล็ก ไม่เหมาะจะออกทะเล
เดินทางไกล จนไปถึงจันทบุรี
ไม้ต่อเรือที่คลองด่านก็มีสมบูรณ์พร้อม
เรือใหม่ของ "พระเจ้าตาก" ที่ใหญ่พอกับการออกทะเล เดินทางไกล
จึงถือกำเนิดขึ้นที่คลองด่าน – ตามประวัติศาสตร์ปากต่อปากของชุมชน นอกจากมีชาวประมงผู้รักชาติแล้ว
การสะสมเสบียงอาหารจากคลองด่านก็ง่ายกว่า เพราะเป็นแหล่งอาหารอยู่แล้ว
จึงมีคำกล่าวในประวัติชุมชนว่า...“สะสมเสบียง ซ่องสุมผู้คน
และต่อเรือศึกจากบาง ยิ้ม”
บาง ยิ้มก็คือคลองด่านโดยมีชื่อ “นายมา ณ บาง ยิ้ม”
เป็นหนึ่งในผู้ร่วมกู้ชาติที่มีประมาณ 500 กว่าคน
พิพิธภัณฑ์วัดสร่างโศก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น