วันพฤหัสบดีที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2561


การแยกบล็อกเหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อจุ่น จิตตสํวโร วัดโพธิ์ตาล
เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อจุ่น จิตตสํวโร (พระครูโพธิกิตติวิมล) วัดโพธิ์ตาล สร้างเมื่อปลายปี2546 มี 2 บล็อก คือบล็อกนิยม และบล็อกหลังผด
ข้อมูลการจัดสร้างเหรียญรุ่นแรกบล็อกนิยม
เหรียญรุ่นแรกบล็อกนิยม จัดสร้างขึ้นเพื่อแจกในงานฉลองสัญญาบัตรพัดยศเมื่อต้นปี 2546 จำนวนการสร้าง 2'500 เหรียญ มีเพียงเนื้อทองแดง เพียงเนื้อเดียว วิธีดูเหรียญรุ่นแรกบล็อกนิยม
1.ให้ใช้กล้องส่องพระหรือแว่นขยายส่องดูที่ ริมฝีปากล่างของหลวงพ่อจะมีเส้นวิ่งในแนวนอนให้เห็นหลายเส้น
2. ด้านหลังเหรียญตัว อุณาโลมปลายหางชี้ขึ้นด้านบนหูเหรียญ อยู่ระหว่างคำว่าสัญญา ผิวจะเรียบตึงไม่มีผด
3.ผิวเหรียญถ้าไม่ใช้สึกมากจนผิวเปิดหมดจะมีผิวออกสีเขียวรุ้ง หรือเขียวแดงนิดๆ ซึ่งเกิดจากน้ำยาชุบเหรียญ จะต้องมีให้เห็น
4.เหรียญรุ่นแรกนิยมขนาดจะบางกว่าบล็อกผดถ้าเทียบกัน และจุดสังเกตอีกอย่างในบล็อกนิยมปลายจมูกจะบี้แทบทุกเหรียญ พบเจอเหรียญสวยๆจมูกโด่งๆน้อยมากเมื่อเทียบกับเหรียญบล็อกผดจะเห็นได้ชัดเจนมาก
ข้อมูลการจัดสร้างเหรียญรุ่นแรกบล็อกหลังผด
เหรียญรุ่นแรกบล็อกหลังผด เมื่อปลายปี2546 มีคณะลูกศิษย์ทางกรุงเทพฯร่วมกับชาวบ้าน จะจัดให้มีการทอดผ้าป่าสามัคคีขึ้นที่วัดโพธิ์ตาล หลวงพ่อและกรรมการวัดจึงเห็นสมควรว่าให้ปั้มเหรียญรูปเหมือนท่านแจกในงานทอดผ้าป่าในปลายปี2546 จำนวนการสร้าง 1'000 เหรียญ เป็นเนื้อทองแดงทั้งสิ้น และกรรมการได้นำเหรียญ บางส่วนไปชุบ สีเงิน และชุบสีทอง นำมาแจกกัน มีจำนวนไม่มาก
1.ริมฝีปากด้านล่างหลวงพ่อเมื่อส่องขยายดู จะไม่มีเส้นวิ่งในแนวนอน
2.ด้านหลังเหรียญปลายหาง อุณาโลมชี้ขึ้นหาหัวเหรียญ ระหว่างคำว่าสัญญาด้านข้างของหางอุณาโลมจะมีผดผื่นขึ้นเป็นเม็ดๆบางๆพอสังเกตเห็น
3.ปลายจมูกถ้าไม่ใช้ผิวเดิมๆไม่ใช้จนสึกปลายจมูกจะโด่ง
4.สีผิวจะออกสีน้ำตาลไม่เป็นสีเหลือบรุ้งเกิดจากน้ำยาคนละตัว ขนาดของเหรียญหนากว่าบล็อกนิยม


หมายเหตุ
เมื่อนำเหรียญทั้ง 2 บล็อกมาเทียบกัน โดยเอาเหรียญผิวเดิมๆสวยทั้ง 2.เหรียญมาเทียบเคียงกันจะเห็นชัดเจนมาก พอทำให้เข้าใจว่า
1.จะเห็นว่าเหรียญบล็อกรุ่นแรกนิยม ปลายจมูกบี้ และบล็อกหลังผด ปลายจมูกโด่ง จุดสังเกตจึงทำให้พอสรุปได้ว่า สาเหตุที่ทำให้บล็อกนิยมจมูกบี้เกิดจากการนำเอาแผ่นโลหะที่ไม่ได้ขนาดมาปั้มหรือบางกว่า พอปั้มขึ้นรูปส่วนที่บางจะไม่เต็มบล็อกแม่พิมพ์ ทำให้ปลายจมูกซึ่งเป็นส่วนที่สูงสุดของแผ่นโลหะจึงปั้มจมูกไม่ติดเต็ม ส่วนที่พบเห็นเหรียญจมูกโด่งติดเต็มในบางเหรียญนั้น เกิดจากแผ่นโลหะในส่วนที่รีดไม่เท่ากันก็เป็นได้
2.นำเอาเหรียญทั้ง 2.บล็อก มาเทียบความหนาบางของขอบข้างเหรียญ จะเห็นได้ว่าเหรียญบล็อกผดจะหนากว่าชัดเจน (จึงทำให้พอสรุปได้ว่า ที่ทำให้บล็อกนิยมจมูกบี้เกิดจาก
การนำเอาแผ่นโลหะที่ไม่ได้ขนาดมาปั้มหรือเรียกว่าบางกว่านั่นเอง)
5.ตัวตัดข้างเหรียญเทียบกันแล้วแยกกันชัดเจน ตัวตัดขอบข้างเหรียญคนละตัว

วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2561

เหรียญมังกรคู่ หลวงปู่ถ้า อนาลโย รุ่น รวยทันใจ



เหรียญมังกรคู่ หลวงปู่ถ้า อนาลโย รุ่น รวยทันใจ
เหรียญมังกรคู่ หลวงปู่ถ้า อนาลโย รุ่น รวยทันใจ หลวงปู่ถ้า อนาลโย อายุ๑๐๕ปี พระผู้เรืองพระเวทวิทยาคม เทพเจ้าแห่งความเมตตา ต้นตำหรับวิชาพญาหนูกินนมแมวอันโด่งดัง    แห่งวัดป่าทศพลมังคลาราม อ.เมยวดี จ.ร้อยเอ็ด พระผู้เมตตา เทพเจ้าแห่งโชคลาภ เจ้าตำหรับวิชาหนูดูดนมแมว ซึ่งเป็นสุดยอดวิชาเมตตา มหาเสน่ห์ โชคลาภ หนุนดวงโภคทรัพย์ ใครดวงตก การงานไม่ราบรื่น ค้าขายไม่ดี หากได้บูชาวัตถุมงคลของหลวงปู่แล้วจะพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว จากร้ายกลายเป็นดี หนักกลายเป็นเบา ใครดวงดีอยู่แล้วจะยิ่งเสริมดวงให้รุ่งโรจน์ โชติช่วงชัชวาล มีวัตถุมงคลของหลวงปู่ไว้บูชาจะแคล้วคลาดปลอดภัย ทำกิจการงานใดๆจะมีแต่คนรักใคร่เอ็นดู
เหรียญมังกรคู่ หลวงปู่ถ้า อนาลโย รุ่น รวยทันใจ จากภาพเป็นชุดกรรมการ เนื้อทองแดงกะไหล่ทองลงยาสามสี สามเหรียญ หมายเลข ๗๙๑
ประวัติโดยย่อ หลวงปู่ถ้า อนาลโย พระเกจิ ๔ แผ่นดิน เกิดปีมะโรง พ.ศ.๒๔๕๗ ที่บ้านงิ้ว อำเภอคำชะอี (อำเภอหนองสูง ในปัจจุบัน) จังหวัดมุกดาหาร อุปสมบท เมื่ออายุ ๒๑ ปี ในปีพ.ศ.๒๔๗๘ เคยจำพรรษาที่วัดป่าดงคำชี จังหวัดกาฬสินธุ์ ปัจจุบันจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าทศพลมังคลาราม บ้านบุ่งเลิศ ตำบลบุ่งเลิศ อำเภอเมยวดี จังหวัดร้อยเอ็ด ได้ศึกษาเล่าเรียนธรรมะ เป็นเวลา ๑๕ พรรษา ด้วยภารกิจทางครอบครัว ที่หลวงปู่ต้องไปแก้ปัญหาด้วยตนเอง จึงได้ ลาสิขาบท เมื่อสะสางปัญหาต่างๆแล้วเสร็จ ด้วยใจที่ใฝ่การบรรพชา อุปสมบท ถือศีลบำเพ็ญเพียรในการเจริญกรรมฐานจึงเข้าสู่เพศบรรพชิตอีกครั้ง เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา อบรมสั่งสอนพุทธศาสนิกชน ให้เข้าถึงธรรมะขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงเข้าอุปสมบทเป็นครั้งที่ ๒ จำพรรษาที่วัดป่าดงคำชี จังหวัดกาฬสินธุ์ และวัดป่าทศพลมังคลาราม บ้านบุ่งเลิศ ตำบลบุ่งเลิศ อำเภอเมยวดี จังหวัดร้อยเอ็ด จนถึงปัจจุบัน
หลังจากอุปสมบทหลวงปู่ถ้าฯได้ออกธุดงค์ ปลีกวิเวกไปตามสถานที่ต่างๆ ธุดงค์ลัดเลาะตามป่าเขาลำเนาไพรทั้งในเขตประเทศไทย และข้ามฝั่งเข้าสู่ดินแดนปราสาทขอมประเทศเขมร ได้ไปพบกับพระอาจารย์ไพร ผู้มีวิชาแก่กล้า ปราดเปรื่อง เลื่องลือ ในด้านวิชาอาคม มนต์ดำ มหาเสน่ห์ และการทำเครื่องรางของขลัง จึงได้ฝากตัวเป็นศิษย์ พระอาจารย์ไพรได้ถ่ายทอดวิชาอาคมสายต่างๆให้โดยมิได้ปิดบังใดๆ หลวงปู่ฯอยู่ร่ำเรียนวิชาด้วยเป็นระยะเวลา ๓ ปี เมื่อหลวงปู่ถ้าฯเห็นว่าการร่ำเรียนวิชาอาคมตำหรับเขมรสำเร็จลุล่วง จึงกราบลาพระอาจารย์ไพร ผู้เป็นอาจารย์ หลวงปู่ถ้าฯ เดินธุดงค์ออกจากประเทศเขมรมุ่งหน้าสู่บ้านเกิด เพื่อนำวิชาอาคมที่ได้เล่าเรียนมาจากครูบาอาจารย์ มาช่วยเหลือญาติโยม ในการทำมาค้าขาย ทำธุรกิจให้ประสบผลสำเร็จ หลวงปู่ถ้า อนาลโย กลับมาจำพรรษาที่วัดป่าดงคำชี จังหวัดกาฬสินธุ์ หลวงปู่เคยออกธุดงค์ไปหลายสถานที่ทั้งในประเทศไทย ลาว เขมร และประเทศพม่า การเดินธุดงค์สมัยนั้นต้องเดินลัดเลาะไปตามป่าเขาลำเนาไพร มีแต่ช้าง เสือ อสรพิษที่ดุร้ายและสิ่งลี้ลับ ล้วนแต่อันตรายทั้งสิ้น แต่ก็สามารถฝ่าฟันอุปสรรคทั้งหลายมาได้ด้วย การปฎิบัติภาวนาสมาธิ การเจริญกรรมฐาน เมตตา แก่สรรพสัตว์ทั้งหลายด้วยธรรมะ ครั้งหนึ่งคณะลูกศิษย์ ที่กรุงเทพมหานคร ทราบถึงความเก่งกล้าด้านวิชาอาคม ของหลวงปู่ฯจึงขออนุญาตสร้างเครื่องราง หนูดูดนมแมว พุทธคุณด้านเมตตามหานิยม มวลสารต่างๆที่นำมาสร้าง ประกอบไปด้วย รกแมวดำ ๙ ตัว น้ำตาปลาพะยูน ว่านดอกทอง ผงไม้รัก ไม้ขนุน ว่านนางอกแตก นำมาผสมกันเติมผงสวาทเรื่อยๆจนน้ำมันเดือดแล้วค่อยยกลง นำมากดพิมพ์ด้วยมือขึ้นรูปนำลงใส่ในไหฝังดิน พันด้วยด้ายสายสินธุ์โยงขึ้นมาให้หลวงปู่เสกเป็นเวลานานกว่า ๑ ปี จนแมวกับหนูตัวเป็นๆวิ่งมานอนเกลือกกลิ้งเล่นกัน ตรงพื้นดินบริเวณที่ฝังไหเครื่องราง ซึ่งเป็นเรื่องมหัศจรรย์ เมื่อหลวงปู่เห็นว่าเครื่องรางมีพุทธคุณเข้มขลัง จึงบอกให้ลูกศิษย์ขุดขึ้นมาใช้ เป็นที่ต้องการของพ่อค้า แม่ค้า มีไว้ติดตัวทำมาค้าขายดี คนทำงานก็เช่นกันมีไว้ติดตัวนายเมตตา เพื่อนร่วมงานที่เคยกลั่นแกล้งต่างก็มาเป็นมิตร แม้แต่คนจีนแผ่นดินใหญ่ มาเลเซีย ฮ่องกง ต่างก็แสวงหาเพื่อให้ได้มาครอบครอง เพราะมีหนูดูดนมแมวไว้ติดตัวอธิษฐานอะไรก็สำเร็จ จนเป็นที่โด่งดัง เครื่องรางหนูดูดนมแมวทำให้ผู้ที่นิยมเครื่องราง ที่มีพุทคุณแรงๆทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ต่างก็รู้จัก หลวงปู่ถ้า อนาลโย พระกรรมฐานสายป่าเจ้าตำหรับวิชาเขมร (จากประวัติโดยย่อนี้ หากข้อมูลของหลวงปู่คลาดเคลื่อน ขาดตก บกพร่อง เพราะผู้เขียน ได้รับคำบอกเล่าจากหลายท่าน ประวัติหลวงปู่ถ้า อนาลโย ซึ่งเรียบเรียงโดยย่ออาจยังไม่สมบูรณ์ ผู้เรียบเรียงต้องขออภัยไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยครับ









เหรียญหมุนเงินหมุนทอง หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล จ.ศรีสะเกษ ปี 2542



เหรียญหมุนเงินหมุนทอง หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล จ.ศรีสะเกษ ปี 2542
หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล แห่งวัดบ้านจาน สุดยอดพระเกจิอาจารย์ อริยะสงฆ์ 5 แผ่นดิน หลวงปู่ได้สร้างศรัทธาไว้ให้กับศิษย์และสาธุชนที่ได้บูชาวัตถุมงคลของท่าน วัตถุมงคลของท่านล้วนแล้วเป็นที่ปรารถนาและมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง และมีมูลค่าเพิ่ม นับเป็นสุดยอดวัตถุมงคลแห่งยุคสมัย เหรียญหมุนเงินหมุนทอง เป็นอีกรุ่นหนึ่งที่ได้รับความนิยม
เหรียญหมุนเงินหมุนทอง หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล วัดบ้านจาน จ.ศรีสะเกษ ปี 2542 มีทั้งบล็อกประคำ 19 เม็ด บล็อกประคำ 18 เม็ด มีทั้งเหรียญหนา และ เหรียญบาง เป็นเหรียญเดียวที่ใช้ชื่อหลวงปู่ "หมุน" มาตั้งเป็นชื่อเหรียญ "หมุนเงินหมุนทอง" เป็นเหรียญที่ได้ผ่านการปลุกเสกมากหลายพิธี ตั้งแต่พิธีเจริญลาภ เสาร์ 5 มหาเศรษฐี และ รวยทันใจ รวมทั้งพิธีที่ปลุกเสกที่วัดป่าหนองหล่มทุกพิธี

    วัตถุมงคลที่ท่านปลุกเสก เปี่ยมไปด้วยพุทธานุภาพอย่างแท้จริง ผู้ที่นำไปสักการบูชาต่างมีประสบการณ์ปาฏิหาริย์เหนือธรรมชาติ เปรียบประดุจมีแก้วสารพัดนึกติดตัว ช่วยหนุนดวงชะตาชีวิตให้ดำเนินไปในทางที่ดีขึ้น รวมทั้งด้านแคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง
            นอกจากนี้ผู้สักการบูชาส่วนใหญ่มักจะประสบโชคลาภ มีทรัพย์สินเงินทองไหลมาเทมาอย่างไม่ขาดสาย เคราะห์กรรมที่ประสบจากหนักก็จะกลายเป็นเบา
              และที่สำคัญพระเครื่องของท่านสามารถป้องกันภูตผีปีศาจ คุณไสยทุกชนิดได้ด้วย รวมความแล้ว ดีครอบจักรวาล
              หลวงปู่หมุน ได้รับการขนานนามว่า "พระอริยสงฆ์ ๕ แผ่นดิน" ผู้ตั้งสัจจะตั้งแต่เริ่มบวชเรียน ว่าจะไม่สร้างและร่วมปลุกเสกวัตถุมงคลใดๆ จนกว่าจะอายุเกิน ๑๐๐ ปี โดยท่านได้ให้เหตุผลว่า เพื่อให้หมดซึ่งกิเลสตัณหา และให้มีญาณสมาบัติที่แก่กล้า วัตถุมงคลของท่านจึงออกตอนอายุเกิน ๑๐๐ ปีแล้ว ทั้งสิ้น
              ท่านได้กล่าวว่า "วัตถุมงคลของฉัน หากแม้นตายไปอีกสิบปี จะมีค่ามากกว่าเพชรนิลจินดา และจะหายากยิ่ง

              วัตถุมงคลที่ท่านสร้าง จึงไม่เป็นสองรองจากสำนักใด เช่น ตะกรุดเชือกเขียว ที่ท่านถักเอง จารเอง กว่าจะได้แต่ละดอกต้องสวดอัดตามฤกษ์ผานาทีที่เหมาะสม
              หรือแม้แต่ พระเครื่องในชุดเหล็กน้ำพี้ ซึ่งว่ากันว่า เป็นแร่เหล็กไหลกายสิทธิ์ที่มีคุณในตัว ทุกวันนี้หาผู้ที่จะเพ่งกสินครบทั้ง ๔ ธาตุ ได้ยาก อันได้แก่ ปฐวีกสิน เพ่งธาตุดิน, อาโปกสิณ เพ่งธาตุน้ำ, เตโชกสิณ เพ่งไฟ, วาโยกสิน เพ่งลม
              แต่ท่านสามารถเพ่งกสิญทั้ง ๔ นี้ได้ ทำให้ เหล็กน้ำพี้ ซึ่งมีจุดหลอมเหลวสูงถึง ๑,๒๐๐ องศาเซลเซียล ให้ละลายจนเทลงแม่พิมพ์ ออกมาเป็นรูปแบบพระเครื่องได้อย่างง่ายดาย
              เพราะถ้ากำกับคาถาอาคมไม่ดี เหล็กน้ำพี้อาจแข็งตัวกลับกลายเป็นก้อนเหล็กตามเดิม วิชานี้ท่านได้ชักยันต์กลางอากาศ ซึ่งเป็นการเรียกเอาพลังงานในจักรวาลมาประจุใส่ในเบ้าหลอม ณ พิธีกลางแจ้งที่ วัดป่าหนองหล่ม จ.สระแก้ว เมื่อปี ๒๕๔๓ ให้เป็นที่ประจักษ์มาแล้ว
              วัตถุมงคลหลวงปู่หมุน ได้พิสูจน์ให้หลายๆ ท่าน ที่เคารพและศรัทธา ได้เห็นเป็นที่ประจักษ์มาแล้ว หากท่านทั้งหลายไม่ลองนำมาบูชาอาราธนาใช้ ก็จะไม่รู้เลยว่า จริงหรือที่วัตถุมงคลของหลวงปู่หมุน จะพลิกวิกฤติเปลี่ยนชะตาชีวิตที่ล้มเหลว ให้พลิกฟื้นขึ้นมาจนมีกินมีใช้ การงานคล่องขึ้น หยิบจับอะไรก็สำเร็จอย่างง่ายดาย ไม่ติดขัด ซึ่งเรื่องทำนองนี้มีหลายๆ ท่านเคยประสบกับตนเองมาแล้ว
              สำหรับพระเครื่องของหลวงปู่หมุน ในปัจจุบันเป็นที่นิยมเกือบทุกรุ่น โดยเฉพาะพระเครื่องที่อยู่ในรายการประกวดทั้ง ๗๐ รายการ อาทิ เหรียญหล่อเหล็กน้ำพี้, พระกริ่งเหล็กน้ำพี้, พระปิดตาเหล็กน้ำพี้, พระชัยวัฒน์เหล็กน้ำพี้, เหรียญรุ่นแรก ๑๐๓ ปี, พระกริ่งเจริญลาภ, รูปหล่อรุ่นแรกจารยันต์กอหญ้า, เหรียญเสมา รุ่นมหาสมปรารถนา, พระผงดวงเศรษฐี ฯลฯ


การแยกบล็อกแบบง่ายๆ โดยไม่ต้องมานับปะคำ ของเหรียญหมุนเงินหมุนทองหลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน เหรียญพิมพ์นี้ จะต่างกันนิดเดียว ตรงปะคำและปลายจีวร










ขออนุญาตท่าน RONADO เว็บจีพระดอทคอม เผยแพร่เพื่อเป็นวิทยาทานครับ

วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2561

หลวงปู่ทวน” อายุ 110 ปี พระเกจิดัง 6 แผ่นดิน มรณภาพแล้ว



หลวงปู่ทวนอายุ 110 ปี พระเกจิดัง 6 แผ่นดิน มรณภาพแล้ว
ในนามผู้เขียน เว็บพระเครื่อง เหรียญพระแท้ พระใหม่-เก่า พระเกจิอาจาร์ยทั่วประเทศไทย ขอแสดงความอาลัย ขอน้อมส่งหลวงปู่สู่นิพพาน หลวงปู่ทวน อายุ 110 ปี พระเกจิดัง 6 แผ่นดิน มรณภาพแล้ว ด้วยอุบัติเหตุรถยนต์ชนกัน บริเวณหน้าเมืองใหม่นายายอาม ต.นายายอาม อ.นายายอาม จ.จันทบุรี เป็นเหตุให้ หลวงปู่ทวน อายุ 110 ปี พระเกจิชื่อดังของวัดโป่งยาง จ.จันทบุรี มรณภาพ
กำหนดการสรงน้ำ หลวงปู่ทวน
วันที่ 20-10-61 เวลา 8.00-16.00 กำหนดการสวดพระอภิธรรม 9 คืน ตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคมถึง 28 ตุลาคม 2561 ทางคณะกรรมการ คณะศิษย์จะเก็บสรีระของหลวงปู่ไว้ในโลงแก้วโดยยังไม่กำหนดวันปลง
หลวงปู่ทวน ปุสสวโร พระเกจิชื่อดังแห่งวัด จันทคุณาราม (วัดโป่งยาง) อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี พระเถระผู้มีเมตตาธรรมสูง มากด้วยเมตตา และมีวิทยาคมเข้มขลัง วัตถุมงคลของท่านหลายรุ่นได้รับความนิยมจากนักสะสม ปัจจุบัน สิริอายุ 110 ปี เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14 พ.ค. 2451 อยู่ที่บ้าน ชอนใน ต.ชอนสารเดช อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี ครอบครัวประกอบอาชีพเกษตรกรรม
ชีวิตวัยเยาว์มีโอกาสศึกษา เล่าเรียนอักขระที่วัดชอนสารเดช อาศัยพระเป็นผู้อบรมสั่งสอน โดยอยู่ในความดูแลของหลวงพ่อทรัพย์ วัดชอนสารเดช อาศัยอุปัฏฐาก รับใช้หลวงพ่อทรัพย์ และหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ซึ่งหลวงพ่อเดิมเดินทางมาพักและสนทนาธรรมกับหลวงพ่อทรัพย์ ที่วัดชอนสารเดช เป็นประจำ สุดท้าย หลวงพ่อทรัพย์ ฝากให้เดินทางไปวัดหนองโพ เพื่ออุปัฏฐากรับใช้ต่อไป
พ.ศ.2466 หลวงพ่อเดิมเห็นว่า เป็นผู้ที่สนใจปฏิบัติธรรม จึงให้บรรพชาเป็นสามเณร ขณะมีอายุ 15 ปี พร้อมถ่ายทอดแนวทางปฏิบัติธรรมและวิทยาคมให้สามเณรทวนมาโดยตลอด
อายุครบ 20 ปี พ.ศ.2471 เข้าพิธีอุปสมบทที่วัดสิริจันทรมิตร (วัดเขาพระงาม) ต.เขาพระงาม อ.เมือง จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นวัดสังกัดธรรมยุต มีหลวงปู่อ่ำ หรือ พระเทพวรคุณ เจ้าอาวาสวัดเขาพระงาม เป็นพระอุปัชฌาย์
ภายหลังอุปสมบทอยู่จำพรรษาที่วัดเขาพระงาม ศึกษาพระปริยัติธรรมจนสอบได้นักธรรมชั้นเอก ส่วนทางด้านปฏิบัติและวิทยาคมที่ได้รับถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อเดิมก็ได้ทบทวนตลอด
ว่างจากภารกิจ ท่านมักธุดงค์ขึ้นเทือกเขาพระงาม และท่านได้รับทราบจากหลวงปู่อ่ำว่า พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต บูรพาจารย์ด้านวิปัสสนากัมมัฏฐานแห่งภาคอีสาน เคยมาพักและปฏิบัติธรรมในถ้ำเทือกเขาพระงาม ทำให้หลวงปู่ทวนต้องการเข้าพบเพื่อศึกษาแนวทางปฏิบัติกับท่าน
พ.ศ.2473 กราบลาหลวงปู่อ่ำ ออกธุดงค์วัตรจากลพบุรีสู่ภาคอีสาน และทราบว่าพระอาจารย์มั่นกำลังฝึกอบรมวิปัสสนากัมมัฏฐานให้กับพระภิกษุ-สามเณร ที่วัดแห่งหนึ่ง จ.สกลนคร จึงรีบเดินทางไปพบท่าน และกราบฝากตัวเป็นศิษย์รับการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จากนั้นหลวงปู่ทวนออกธุดงค์ในถิ่นอีสานเหนือ-ใต้ เป็นเวลาพอสมควร จึงเดินทางกลับวัดชอนสารเดช และลาสิกขา เพื่อช่วยบิดา-มารดาประกอบอาชีพเมื่อปีพ.ศ.2479
ต่อมาเกิดเบื่อหน่ายทางโลก คิดจะเข้าสู่ทางธรรม จึงเข้าอุปสมบทครั้งที่ 2 ที่วัดวังน้ำเย็น อ.สระแก้ว จ.ปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2533 ขณะมีอายุ 83 ปี โดยมีพระธรรมญาณประยุกต์ วัดวังน้ำเย็น เป็นพระอุปัชฌาย์, พระมหาประพันธ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์สมส่วน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา ปุสส วโร สังกัดมหานิกาย

หลังอุปสมบทครั้งนี้อยู่จำพรรษาที่วัดวังน้ำเย็นเพียงไม่กี่วัน ได้กราบลาพระอุปัชฌาย์ ออกธุดงค์ไปตามแนวฝั่งโขง พ.ศ.2537 ธุดงค์ถึงเมืองโขง แคว้นนครจำปาสัก เห็นว่าเป็นสถานที่ร่มรื่น จึงหยุดพักจำพรรษาชั่วคราว 1 พรรษา หลังออกพรรษาแล้วเดินทางข้ามแม่น้ำโขงสู่ฝั่งไทย นับเป็นเวลา 11 ปี ที่ออกธุดงควัตร ท่านปฏิบัติกิจวิปัสสนากัมมัฏฐานตลอดเส้นทาง
พ.ศ.2544 เดินทางมาจำพรรษาที่วัดจันทคุณาราม (วัดโป่งยาง) อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี ท่านได้ให้ความช่วยเหลือเจ้าอาวาสวัดโป่งยาง พัฒนาวัด ทำนุบำรุงวัดมาโดยตลอด



วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2561

เหรียญหลวงปู่แสน ปสนฺโน รุ่น เสมาสิงห์ ๑ สมปรารถนา


เหรียญหลวงปู่แสน ปสนฺโน รุ่น เสมาสิงห์ ๑ สมปรารถนา
เหรียญหลวงปู่แสน รุ่น เสมาสิงห์ ๑ สมปรารถนา หลวงปู่แสน ปสนฺโน อายุ ๑๑๑ ปี วัดบ้านหนองจิก จ.ศรีสะเกษ เป็นเหรียญที่มีเจตนาในการสร้างดีอีกรุ่นหนึ่ง คือสร้างเสนาสนะ วัดบ้านหนองจิก อ.ขุนหาญ จ. ศรีสะเกษ น่าจะเป็นการสร้างจากวัดโดยตรงไม่ใช่นายทุน เพราะมีความรู้สึกว่านักสะสมพระเครื่องไม่ให้ความสนใจมากนัก แปลกนะครับสมัยนี้ วัตถุมงคลที่มีเจตนาในการสร้าง มักไม่ค่อยได้รับความนิยม นี่แหละครับนักนิยมพระเครื่องสมัยใหม่ ที่เห็นแก่ผลประโยชน์ทางการค้ามากกว่า
หลวงปู่แสน เป็นพระเกจิชื่อดังแห่งอีสานใต้ เล่าขานกันว่าทรงคุณพุทธาคมเข้มขลัง วัดบ้านหนองจิก จ.ศรีสะเกษ มีวัตรปฏิบัติที่เคร่งครัดและเปี่ยมด้วยคุณธรรม เป็นที่พึ่งของชาวบ้าน มีจิตที่เปี่ยมด้วยความเมตตา ได้รับสมญานาม เทพเจ้าแห่งเขาภูฝ้ายใกล้ชายแดนเขมรปัจจุบันมีอายุ 111 ปี
มีนามเดิมชื่อ แสน คุ้มครอง เกิดที่บ้านโพรง ต.ไพรบึง อ.ขุขันธ์ จ.ขุขันธ์ (ปัจจุบัน ต.ไพรบึง อ.ไพรบึง จ.ศรีสะเกษ) เมื่อวันที่ 11 ก.ย.2450 มีพี่น้องรวม 6 คน เมื่อครั้นยังเด็กเป็นลูกศิษย์อยู่ที่วัดบ้านโพรง และพี่ชายซึ่งเป็นเจ้าอาวาสในสมัยนั้นให้การเลี้ยงดู  จนเรียนจบชั้น ป.4
ต่อมาได้บรรพชา ได้ไปศึกษาเรียนหนังสือกับหลวงพ่อมุม วัดปราสาทเยอใต้ พระเกจิชื่อดัง ทั้งภาษาขอม อักษรธรรม และภาษาบาลีด้วย
กระทั่งอายุ 21 ปี เข้าพิธีอุปสมบท และยังคงเรียนวิชากับพระอาจารย์มุมอย่างต่อเนื่อง
ครั้นอายุ 24 ปี ได้ลาสิกขาออกมาช่วยงานทางบ้านที่มีฐานะยากจน และเป็น หมอธรรมช่วยเหลือผู้คนในชุมชนจนได้รับความเคารพนับถือ ยามเว้นว่างจากการทำเกษตรกรรมก็ชักชวนเพื่อนหมอธรรมด้วยกันเดินทางไปยังประเทศกัมพูชา เพื่อศึกษาวิทยาคมเพิ่มเติม ได้พบพระผู้ใหญ่และพระอาจารย์มากมาย โดยจะเลือกเรียนเฉพาะวิชาที่เกี่ยวกับการช่วยเหลือและรักษาผู้คนเท่านั้น
เมื่อหมดภาระทางบ้าน กลับเข้าสู่ใต้ร่มกาสาวพัสตร์อีกครั้ง ไปจำพรรษาที่บ้านกุด เสล่า อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ แต่ยังคงปฏิบัติธุดงค์ มักออกธุดงค์ไปตามเทือกเขาพนมดงรักเป็นนิจ
ต่อมาหลวงตาวัน สหธรรมิกรุ่นน้องได้ไปกราบนิมนต์ให้มาช่วยสร้างวัด โดยเจ้าคณะอำเภอกันทรลักษ์อนุญาตให้หลวงปู่แสนไปอยู่ที่วัดอรุณสว่างวราราม(วัดบ้านกราม) แต่ด้วยท่านรักสมถะ ปีต่อมาจึงได้ย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่สำนักสงฆ์โนนไทย(วัดกูไทยสามัคคีในปัจจุบัน) อยู่ถึง 3 ปี
กระทั่งเห็นสภาพวัดบ้านหนองจิกที่จะกลายเป็นวัดร้าง เนื่องจากมีพระภิกษุจำพรรษาน้อยและไม่มีผู้ดูแลพัฒนา ท่านจึงย้ายจากสำนักสงฆ์โนนไทย ไปจำพรรษาที่วัดหนองจิกและทำนุบำรุงวัดจนวัดมีพระเข้ามารับช่วงต่อ จำพรรษาอยู่เป็นเวลา 4 ปี โยมญาติจากวัดบ้านโพรงที่ท่านบวชเป็นสามเณร เดินทางมานิมนต์ท่านให้ไปจำพรรษาเพื่อช่วยพัฒนา เนื่องจากวัดใกล้จะร้างด้วยไม่มีพระจำพรรษา
อายุย่างเข้า 93 ปี ดำรงตำแหน่งรักษาการเจ้าอาวาสวัดในช่วงนั้น จนเมื่ออายุ 97 ปี ลูกหลานเป็นห่วงสุขภาพ จึงได้พาชาวบ้านไปนิมนต์กลับมาจำพรรษา ที่วัดบ้านหนองจิก ตราบจนถึงทุกวันนี้