วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

เหรียญมนต์พระกาฬหลังหนุมาน หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่



-->
เหรียญมนต์พระกาฬหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่
บทความนี้จะขอกล่าวที่มาของเครื่องรางของขลัง นั่นคือ เหรียญมนต์พระกาฬ, มนต์พระกาฬปราบไพรี และมนต์มหาพระกาฬ ของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ  เทพเจ้าแห่งด่านขุนทด วัดบ้านไร่ ซึ่งท่านได้มรณะภาพหรือละสังขารไปเมื่อไม่กี่วันมานี้  ที่มาที่ไป ทำไมถึงใช้หนุมาน ในภายใต้ชื่อเหรียญมนต์พระกาฬดังนั้นผู้เขียนจึงขอน้อมนำประวัติของหนุมาน  ซึ่งท่านทั้งหลายทราบดีอยู่แล้วในวรรณคดี เรื่องรามเกียรติ์
หนุมาน  เป็นลูกของพระพายกับนางสวาหะ  จึงเป็นผู้ที่ไม่มีใครฆ่าตายเมื่อถูกฆ่า  แต่พอถูกลมเมื่อใดก็จะฟื้นขึ้นมาอีก และแถมยังมีเขี้ยวเป็นเพชร  ขนเป็นเพชรอีกด้วย แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่หนุมานไปหยุดรถของสุริยะเทพเลยถูกพลังความร้อนเผาเอาจนตัวดำไปเลยทีเดียว หนุมานนั้นมีหน้าที่ในการปราบปรามยักษ์จึงถูกหนุมานฆ่าตายไปหลายคน ส่วนนางเบญจกาย หลานทศกัณฑ์ก็ยังตกเป็นเมียของหนุมาน  และแถมยังได้นางมัจฉามาเป็นเมียอีกด้วย  ดังนั้นหนุมานจึงเก่งทั้งทางด้านการรบและความรักด้วย
ด้วยเหตุนี้  โบราณอาจารย์ที่เก่งทางด้านพุทธคมท่านเป็นผู้ชาญฉลาด  ซึ่งแม้จะมิใช่สิ่งที่สืบเนื่องมาจากพระพุทธศาสนา  แต่ท่านเหล่านั้นได้พิจารณาเห็นว่าสิ่งนั้น  ๆ เป็นของดี  ของศักดิ์สิทธิ์  ท่านจึงประยุกต์เอามาใช้เป็นเครื่องรางของขลัง ทั้งนี้ก็เพื่ออานิสงฆ์ทางความเก่งกล้าสามารถและอยู่ยงคงกระพันชาตรีของหนุมานนั่นเอง ถ้ากล่าวถึงเครื่องรางของขลังในรูปหนุมาน  จะปรากฏขึ้นในรูปของธงที่เรียกว่า  ธงกระบี่”  หรือ  ธงหนุมาน”  แบบผ้ายันต์เรียกว่า  ผ้ายันต์หนุมานแผลงฤทธิ์และหนุมานอัญเชิญธง  ซึ่ง  2 อย่างนี้ได้สร้างเป็นแบบอย่างมานานแล้ว
เหรียญมนต์พระกาฬหลวงพ่อคูณ
เหรียญหลังหนุมานสี่กรของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ รุ่นแรกใช้ชื่อรุ่น "มนต์พระกาฬ" สร้างโดย วัดดำเนินสถิตย์ (บ้านกอก) อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา พิธีพุทธาภิเษก เหรียญหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ ในวันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 13.39 น.
องค์นวะหน้ากากเงิน
เหรียญรูปไข่หลวงพ่อคูณครึ่งองค์หลังหนุมานสองกร มียันต์ล้อมรอบ รุ่น มนต์พระกาฬปราบไพรี พุทธคุณดีเด่นในเรื่อง แห่งความเจริญรุ่งเรือง เมตตามหานิยม โชคลาภ-ร่ำรวย แคล้วคลาดปลอดภัยอันตรายทั้งปวง ศัตรูที่คิดร้ายแพ้พ่ายด้วยมนต์ตราพระกาฬ ปลุกเสกโดยหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ วัดบ้านไร่ อ. ด่านขุนทด จ. นครราชสีมา พิธีพุทธาภิเษก ณ วัดบ้านไร่ วันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2557
ด้านหลังเหรียญมาต์พระกาฬ หนุมานยันต์ล้อมรอบ
เมตตาจุดเทียนชัยโดยหลวงพ่อชา อภิชาโต เจ้าอาวาสวัดมิตรภาพวนาราม เจ้าคณะอำเภอปากช่อง จ.นครราชสีมา
เมตตาดับเทียนชัยโดยหลวงพ่อทอง วัดพระพุทธบาทเขายายหอม จ.ชัยภูมิ ศิษย์เอกหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ




เหรียญรูปไข่หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ หลังหนุมาน รุ่นเจริญสุข ปลอดภัย

ประกอบด้วย
1. เหรียญรูปไข่ เต็มองค์ หลังหนุมาน ( เจริญสุข หนุมาน ทรงอาวุธ 4 กร) ขนาดไม่รวมห่วงสูง 3.3 ซม
2. เหรียญรูปไข่ ครึ่งองค์ หลังหนุมาน (ปลอดภัย หนุมาน เชิญธงปราบไพรี ) ขนาดไม่รวมห่วงสูง 3.3 ซม
3. เหรียญหล่อโบราณ รูปไข่ครึ่งองค์ หลวงพ่อคูณ ขนาดไม่รวมห่วงสูง 3.4 ซม
 วัตถุประสงค์
1. เพื่อนำรายได้ ถวายหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ เพื่อสมทบบูรณะวัดบ้านไร่
2. เพื่อนำรายได้สบทบทุน การก่อสร้างหลวงพ่อคูณ องค์ใหญ่ที่สุดในโลก ณ วัดบุไผ่ (วัดบ้านไร่ 2)
3. เพื่อนำรายได้ สร้างกุฏิสงฆ์และบูรณะปฏิสังขรณ์เสนาสนะที่ชำรุดทรุดโทรม วัดเจริญสุข ต.พระพุทธ อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา
 พิธีพุทธาภิเษก 2 วาระ
วาระที่ 1

วาระที่ 2 วันที่ 3 กรกฎาคม 2557 ณ พระอุโบสถวัดบ้านไร่ นำโดย หลวงพ่อคูณ และเกจิดังสายหลวงพ่อคูณ อีกหลายรูป 

เหรียญเสมา มนต์มหากาฬ
เหรียญเสมา มนต์มหากาฬ หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จัดสร้าง 2 แบบ คือ
 1. ด้านหลัง พิมพ์หลังหนุมาน
 2. ด้านหลัง พิมพ์หลังยันต์
พิธีพุทธาภิเษกอธิษฐานจิต 2 วาระ
 วาระที่ 1 ณ วัดบ้านไร่ วันที่ 11 ตุลาคม 2557  หลวงพ่อคูณเมตตาอธิฐานจิตให้
 วาระที่ 2 ณ พิพิธภัณฑ์หลวงปู่ทิม พัทยา (พิพิธภัณฑ์บุญญาภิรัติ) วันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม 2557 เวลา 15.00 น. โดยเกจิดัง ดังนี้
 1. หลวงพ่อนัส วัดอ่าวใหญ่ จ.ตราด
2. พระอาจารย์พระมหาสุรศักดิ์ วัดประดู่(พระอารามหลวง) จ.สมุทรสงคราม
 3. พระอาจารย์นะดี วัดเนินสาธารณ์ จ.อุทัยธานี

 4. พระอาจารย์สำราญ วัดสง่างาม จ.พระนครศรีอยุธยา





วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ประวัติ หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ วัดบ้านไร่


-->

ประวัติ หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ วัดบ้านไร่  
หลวงพ่อ คูณ ปริสุทฺโธ  (พระราชวิทยาคมเถระ)  วัดบ้านไร่ ตำบล กุดพิมาน ด่านขุนทด นครราชสีมา พระเกจิอาจารย์ชื่อดังที่เคารพของคนไทยทั้งประเทศ
ประวัติ
หลวงพ่อคูณเกิดเมื่อวันพฤหัสบุดีที่ 4 ตุลาคม 2466 ตรงกับแรม 10 ค่ำ เดือน 10 ปีกุน ถือกำเนิดที่บ้านไร่ ม.6 ต.กุดพิมาน อ.อ่านขุนทด จ.นครราชสีมา ในครอบครัวของชาวไร่ชาวนาที่อยู่ห่างไกลความเจริญ บิดาชื่อ นายบุญ ฉัตรพลกรัง มารดาชื่อ นางทองขาว ฉัตรพลกรัง มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 3 คน คือ 1 หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ 2 นายคำมั่ง แจ้งแสงใส 2 นางทองหล่อ เพ็ญจันทร์ มารดาคือ นางทองขาว เล่าให้เพื่อนบ้านฟังว่า ก่อนตั้งครรภ์ กลางดึกของคืนวันหนึ่งเวลาประมาณตี 3 นางได้ฝันเห็นเทพองค์หนึ่ง มีกายเรืองแสงงดงาม ลอยลงมาจากสวรรค์ มาที่บ้านของนางและกล่าวว่า... เจ้าและสามีเป็นผู้มีศีลธรรม เมตตาต่อสรรพสัตว์ทั้งปวง ประกอบการงานอาชีพด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ทั้งยังสร้างคุณงาม ความดีมาตลอดหลายชาติ เราขออำนวยพรให้เจ้า และครอบครัวมีแต่ความสุขสวัสดิ์ตลอดไป และเทพองค์นั้นยังได้มอบดวงแก้วใสสะอาดสุกว่างให้แก่นางด้วย "ดวงมณีนี้ เจ้าจงรับไปและรักษาให้ดีต่อไปภายหน้า จะได้เป็นพระพุทธสาวกหน่อเนื้อพระชินวร (พระผู้ชนะอันประเสริฐ) เพื่อสืบพระพุทธศาสนา เป็นเนื้อนาบุญ ที่พึ่งของสัตว์โลกทั้งปวง"
การศึกษา
เนื่องด้วยบุรพกรรมและสังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยงแท้แน่นอน บิดามารดาของหลวงพ่อคูณ ได้เสียชีวิตลงในขณะที่ลูกทั้ง 3 คน ยังเป็นเด็ก หลวงพ่อคูณกับน้อง ๆ จึงอยู่ในความอุปการะของน้าสาว สมัยที่หลวงพ่อคูณอยู่ในวัยเยาว์ 6-7 ขวบ ได้เข้าเรียนหนังสือ กับพระอาจารย์ฉาย และพระอาจารย์หล ทั้งภาษาไทย และภาษาขอม นอกจากนี้พระอาจารย์ทั้ง 3 ยังมีเมตตาอบรมสั่งสอนวิชา คาถาอาคม เพื่อป้องกันอันตรายต่าง ๆ ให้แก่หลวงพ่อคูณด้วย นับว่าหลวงพ่อคูณรู้วิชาไสยศาสตร์มาแต่เยาว์วัย "ค่ำคืนอันมืดมิดมิอาจบดบังแสงอันสกาวใส ของพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณาได้ไม่"
อุปสมบท

หลวงพ่อคูณอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดถนนหักใหญ่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา เมื่อวันศุกร์ที่ 5 พฤษภาคม 2487 ปีวอก หลวงพ่อคูณได้รับฉายาว่า ปริสุทโธ หลังจากที่หลวงพ่อคูณอุปสมบทเป็นพระภิกษุเรียบร้อยแล้ว ท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อแดง วัดบ้านหนองโพธิ์ ต.สำนักตะคร้อ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา หลวงพ่อแดง เป็นพระนักปฏิบัติทางด้านคันถธุระ และวิปัสสนาธุระ อย่างเคร่งครัด และทั้งเป็นพระเกจิอาจารย์ที่เรืองวิทยาคมเป็นอย่างยิ่ง จนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของผู้คนและลูกศิษย์เป็นอย่างมาก หลวงพ่อคูณตั้งใจร่ำเรียนพระธรรมวินัย ตามรอยพระพุทธองค์ ที่ตรัสไว้ว่า...
" เทว เม ภิกขเว วิชชา ภาคิยา" ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย วิชานั้นมีอยู่  2 อย่าง คือ
1. สมถะ ความสงบระงับแห่งจิตที่ปราศจากกิเลสอาสวะทั้งปวง
2. วิปัสสนา ความเห็นแจ้งซึ่งธรรมเบื้องสูงอันสุขุมลุ่มลึก ในทางพุทธศาสนาและจงเดินตามหนทางนั้นเถิด...พิจารณาว่า ความเกิดเป็นธรรมดา หาล่วงความเกิดนี้ได้ไม่
หลวงพ่อคูณ ได้อยู่ปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อแดงมานานพอสมควร หลวงพ่อแดงจึงพาหลวงพ่อคูณไปฝากตัวเป็น ลูกศิษย์หลวงพ่อคง พุทธสโร ซึ่งหลวงพ่อทั้งสองรูปนี้ เป็นเพื่อนกันต่างให้ความเคารพซึ่งกันและกัน เมื่อมีโอกาสได้พบปะ มักแลกเปลี่ยนธรรมะ ตลอดจนวิชาอาคมแก่กันเสมอ หลวงพ่อคงสอนเน้นเรื่องการมี "สติ" ระลึกรู้ พิจารณาอารมณ์ต่าง ๆ ที่มากระทบและให้เกิดความรู้เท่าทัน ในอารมณ์นั้น เช่น เมื่อเกิดอารมณ์ "หลง" ท่านให้พิจารณาว่า...
"อนิจจัง ไม่เที่ยง
ทุกขัง เป็นความทุกข์
อนัตตา ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ของเขา
สักแต่ว่าเป็นรูป เป็นนาม
จึงมิใช่ของเราและของเขา"
ศัตรูที่แท้จริงของคนคือ โลภ โกรธ หลง ต้องแก้ด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา เวลาล่วงเลยนานพอสมควร กระทั่งหลวงพ่อคงเห็นว่า ลูกศิษย์ของตนมีความรอบรู้ชำนาญการปฏิบัติธรรมดีแล้ว จึงแนะนำให้ออกธุดงค์จาริกไปตามป่าเขาลำเนาไพร ฝึกปฏิบัติธรรมเบื้องสูงต่อไป แรก ๆ หลวงพ่อคูณก็ธุดงค์ จาริกอยู่ในเขตจังหวัดนครราชสีมา จากนั้นจึงจาริกออกไปไกล ๆ กระทั่งถึงประเทศลาว และประเทศเขมร มุ่งเข้าสู่ป่าลึก เพื่อทำความเพียรให้เกิดสติปัญญา เพื่อการหลุดพ้น จากกิเลส ตัณหา และอุปทานทั้งปวง พิจารณาว่า ความแก่เป็นเรื่องธรรมดา หาล่วงความแก่ได้ไม่
สู่มาตุภูมิ
หลังจากที่พิจารณาเห็นสมควรแก่การปฏิบัติแล้ว หลวงพ่อคูณจึงออกเดินทางจากประเทศเขมรสู่ประเทศไทย เดินข้ามเขตด้านจังหวัดสุรินทร์ สู่จังหวัดนครราชสีมา กลับบ้านเกิดที่บ้านไร่ จากนั้นจึงเริ่มดำเนินการก่อสร้างถาวรวัตถุทาง พระพุทธศาสนา โดยเริ่มสร้างอุโบสถ พ.ศ.2496 นอกจากการก่อสร้างอุโบสถแล้ว หลวงพ่อคูณยังสร้างกุฏิสงฆ์ ศาลาการเปรียญ ขุดสระน้ำไว้เพื่อุปโภคและบริโภค และที่สำคัญยังสร้างโรงเรียนไว้เพื่อเด็กบ้านไร่อีกด้วย การให้ทรัพย์ตั้งทุนหนุนศึกษา เรียนธรรมาศาสน์พุทธพิศุทธิ์ใส ก็ชื่อว่าธรรมทานยานนำไป สู่เมืองใหญ่คือนิพพานสุขศานต์เอย
ละสังขาร
หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ได้ละสังขารเมื่อเวลา 11.45 น. ของวันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 หลังจากอาพาธมาเป็นเวลาหลายปี ณ ห้องอายุรกรรมผู้ป่วยหนัก โรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา สิริรวมอายุ 91 ปี พรรษา 71




วันอังคารที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

พระสมเด็จวัดระฆังรุ่น 141 ปีวัดระฆังโฆสิตารามสร้างเอง


-->

พระสมเด็จวัดระฆังรุ่น 141 ปีวัดระฆังโฆสิตารามสร้างเอง

พระสมเด็จวัดระฆังรุ่น 141 ปีวัดระฆังโฆสิตารามสร้างเอง
วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร เป็นพระอารามหลวงเดิมชื่อวัดบางหว้าใหญ่ สร้างสมัยกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์สถาปนาเป็นพระอารามหลวง ต่อมา พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่1 ทรงโปรดฯ ให้บูรณะปฏิสังขรณ์อีกครั้ง และ พระราชทานนามว่า วัดระฆังโฆสิตาราม
ในรัชสมัยรัชกาลที่ 4  พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดฯ ให้เปลี่ยนชื่อ วัดเป็น วัดราชคัณฑิยาราม แต่ไม่เป็นที่นิยมเรียก ยังคงเรียกวัดระฆังโฆสิตาราม มาจนถึงปัจจุบัน ผู้รู้สันนิษฐานว่า เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) อดีตเจ้าอาวาสวัดระฆัง เริ่มสร้างพระสมเด็จมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 จากอดีตสู่ปัจจุบัน พ.ศ.2415 - พ.ศ.2556 วาระโอกาสครบ 141 ปี คณะ 2 วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร ได้จัดสร้างพระพิมพ์สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) รุ่น 141 ปีมหามงคลน้อมรำลึกในคุณูปการของสมเด็จฯ ผู้เป็นอริยะสงฆ์แก่กล้าด้วยวิทยาคมเป็นผู้สำเร็จวิชาสรตะโสฬส ที่มีเพียงไม่กี่รูปเท่านั้น

พระสมเด็จวัดระฆังรุ่น 141 ปีมหามงคล พระสมเด็จวัดระฆังคณะ 2 วัดระฆังโฆสิตาราม จัดสร้าง นำมวลสารเก่า ผงเก่าวัดระฆัง ไม้ช่อฟ้าพระอุโบสถ 100 กว่าปี และแผ่นจารยันต์ของพระเกจิคณาจารย์ทั่วประเทศอีกกว่า 100 รูป เป็นมวลสารศักดิ์สิทธิ์ผ่านพิธีปลุกเสกมาแล้วมาเป็นส่วนผสมสำคัญรุ่น 141 ปีวัดระฆัง รุ่นนี้ประกอบด้วย 1.พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ เกศทะลุซุ้ม โรยผงเก่าตัดมือโบราณ 2.พิมพ์พระประธานโรยผงเก่า 3.พิมพ์เส้นด้ายโรงผงเก่า 4.พิมพ์พระประธานแช่น้ำมนต์ 5.พิมพ์เส้นด้าย แช่น้ำมนต์ พระกริ่งพรหมรังสี เนื้อแร่เหล็กน้ำพี้ เนื้อเงิน และเนื้อชนวน สร้างน้อย พิธีดี มวลสารเด่น คุณภาพทัดเทียมทดแทนรุ่นเก่าได้ในอนาคต สมดังคำยกย่องให้พระสมเด็จวัดระฆังฯ เป็นจักรพรรดิแห่งพระเครื่องทั้งมวล เป็นองค์ประธานในชุดพระเบญจภาคี


สมเด็จวัดระฆัง รุ่น 141 ปี  นับว่าเป็นอีกหนึ่งวัตถุมงคลที่น่าสะสมของปี 2556  พระสมเด็จรุ่นนี้ทำพิธีพุทธาภิเษกที่วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร และยังได้ใช้ชื่อรุ่นเข้าทำเนียบสมเด็จวัดระฆังเป็นรุ่น 141 ปี จัดทำแบบพิมพ์ครบถ้วนตามพิมพ์พระสมเด็จ พร้อมทั้งการจัดสร้างพระกริ่งพรหมรังสี เนื้อทองคำ เงิน สัมฤทธิ์ ชนวน ซึ่งรูปแบบและพิธีเป็นพระที่น่าสะสมมาก ประกอบกับวัตถุประสงค์ในการจัดสร้างนั้น เป็นมหากุศล
พิธีมหาพุทธาภิเษกพระสมเด็จวัดระฆังรุ่น 141 ปีมหามงคล ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม 2556  ตรงกับวันขึ้น 13 ค่ำ เดือนอ้าย ที่พระอุโบสถวัดระฆังโฆสิตาราม ถนนอรุณอัมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร






วัตถุประสงค์

เพื่อนำรายได้นำไปถมที่สร้างศาลาปฏิบัติธรรมวัดบางกระทิง อ.เสนา จ พระนครศรีอยุธยา วัดบางกระทิงนั้น หลายๆ ท่านคงรู้จักและได้ยินชื่อเสียงพระกรุที่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องความคงกระพันชาตรีกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว นั่นคือพระกรุหลวงพ่อโตวัดบางกระทิง นั่นเอง คนเก่าคนแก่ตลอดจนหนังสือที่มีผู้เขียนขึ้นเป็นที่ระลึกเกี่ยวกับวัดบางกระทิง มักมีข้อความกล่าวและเล่าถึงว่า สมเด็จพุฒาจารย์โต ท่านเคยมาจำพรรษาที่วัดบางกระทิงแห่งนี้


วันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

เหรียญมนต์พระกาฬปราบไพรีหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ


-->



เหรียญมนต์พระกาฬปราบไพรีหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ

เหรียญมนต์พระกาฬปราบไพรีหลวงพ่อคูณ เหรียญรูปไข่หลวงพ่อคูณครึ่งองค์ รุ่น มนต์พระกาฬปราบไพรี ปลุกเสกโดยหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ วัดบ้านไร่ อ. ด่านขุนทด จ. นครราชสีมาพิธีพุทธาภิเษก ณ วัดบ้านไร่ วันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2557 เมตตาจุดเทียนชัยโดยหลวงพ่อชา อภิชาโต เจ้าอาวาสวัดมิตรภาพวนาราม เจ้าคณะอำเภอปากช่อง จ.นครราชสีมา เมตตาดับเทียนชัยโดยหลวงพ่อทอง วัดพระพุทธบาทเขายายหอม จ.ชัยภูมิ ศิษย์เอกหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ






เหรียญมนต์พระกาฬปราบไพรีหลวงพ่อคูณ  ในภาพเป็นเหรียญแจกในพิธีพุทธาภิเษก ตอกโค๊ดด้านหน้าเหรียญ ด้านซ้ายเป็นโค๊ดรูปหนุมาน  เนื้อชนวนพระประธาน

มนต์พระกาฬ" คืออะไร หลายๆ ท่านคงจะเคยได้ยินมาว่าเป็นมหาเวทย์ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก สามารถปกปักษ์รักษาให้ผู้บูชามีความเจริญรุ่งเรือง ใครคิดร้ายก็จะต้องแพ้ภัยตนเอง และผู้ที่ได้บูชาจะมีความเจริญรุ่งเรือง ศัตรูหมู่มารไม่สามารถทำอันตรายได้ ดังตัวอย่างของพระเกจิอาจารย์ที่เคยจัดสร้างเหรียญแบบนี้มาแล้ว คือ หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล วัดบ้านจาน ปัจจุบันพระเครื่องของท่านมีราคาหลักหมื่น หลักแสนไปแล้ว บางเนื้อที่หายากๆ ราคาหลักล้าน ก็มี คนกล้าเช่าหาบูชา เพราะว่าต่างมีประสบการณ์ดีจริงๆ  ใครได้ลองบูชาแล้ว ต้องบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าดีจริงๆ  ทั้งที่พระเครื่องของท่าน ก็ไม่ใช่พระเก่าอะไร เป็นพระเครื่องที่จัดสร้างได้ยังไม่ถึง 20 ปี มาวันนี้ หลวงพ่อคูณ ได้เมตตาอนุญาตให้ศิษย์ได้จัดสร้างแล้ว จึงพลาดไม่ได้ ที่ท่านน่าจะมีไว้บูชาติดตัว 









วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

หลวงพ่อคูณ เหรียญเสมาผ้าป่า 57



-->


หลวงพ่อคูณ เหรียญเสมาผ้าป่า 57
         
  วัดบุไผ่ หรือวัดบ้านไร่ ๒ ตั้งอยู่เลขที่ ๑๐๕ หมู่ ๕ ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา มีพระครูสุวัฒน์ชยาทร(เงียบ) เป็นเจ้าอาวาส และพล.ต.ต มหัคฆพันธ์ สุรคุปต์ เป็นประธานกรรมการวัดบุไผ่ขณะนี้ได้รับมอบหมายจากเจ้าคณะจังหวัดคุม การก่อสร้างวัดไทยอยู่ประเทศอินเดีย ให้หลวงพ่อคูณ ชยคุโณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสรักษาการแทน มีพระในวัดทั้งหมด ๘ รูป
            เดิมวัดบุไผ่ เป็นเพียงสำนักสงฆ์เท่านั้น เริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๕ โดยมีผู้เริ่มก่อตั้งครั้งแรกดังนี้ นายอุดม ณรงค์หนู นายถึก เจสันเทียะ นายหล่อ ชนะภักดิ์ ร่วมกับชาวบ้านช่วยกันก่อสร้างวัดขี้น เดิมมีเนื้อที่ประมาณ ๑๔ ไร่ ๒ งาน สิ่งก่อสร้างเดิมมีดังนี้ กุฏิ ๑ หลัง ศาลาการเปรียญ ๑ หลัง เมรุ ๑ หลัง ศาลาธรรมสังเวช ๑ หลัง และห้องน้ำ
               เมื่อ พ.ศ.2548 ได้รับความอนุเคราะห์จากพระเทพวิทยาคม หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ โดยการนำของประธานวัดบ้านไร่ พล.ต.ต มหัคฆพันธ์ สุรคุปต์ ขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ในขณะนั้นได้หารือกับพระเทพวิทยาคม หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ได้เห็นความลำบากของพ่อแม่พี่น้องชาวอำเภอวังน้ำเขียวที่ไม่มีอุโบสถที่จะประกอบศาสนกิจ ต้องลงไปบวชลูกหลานที่ อ.ปักธงชัย และอ.นาดี ดังนั้นหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ จึงมีเมตตาให้ ดำเนินการก่อสร้างอุโบสถวัดบุไผ่ขึ้น โดยมีกำหนดการก่อสร้างอุโบสถให้แล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ.๒๕๕๐ และได้มีการพัฒนาวัดบุไผ่ตามลำดับ
        
  อย่างไรก็ตาม ขณะนี้วัดบุไผ่มีโครงการจัดดสร้างรูปหล่อเหมือนหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ นี้ ถือว่าเป็นองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมีหน้าตักกว้าง ๙ เมตร สูง ๑๘ เมตร ซึ่งจัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์เพื่อให้ประชาชนชาว จ.นครราชสีมา และจังหวัดใกล้เคียงที่มีความเคารพศรัทธา ได้กราบไหว้บูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล โดยกำหนดเททองครั้งสุดท้ายไปแล้วเมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๗ หลังจากนั้นจะอัญเชิญประดิษฐานอยู่ภายในวิหารหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบุไผ่ หรือวัดบ้านไร่ ๒ ต่อไป

               
       


ทั้งนี้ เพื่อให้การก่อสร้างทั้งปรับปรุงพื้นที่โดยรอบให้แล้วเสร็จ ถือว่าเป็นฤกษ์งามยามดี พระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ) มอบของกำนัลที่ล้ำค่าแก่ศิษยานุศิษย์ อธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคล เหรียญเสมาหลวงพ่อคูณสร้างจากชนวนมวลสารแผ่นจารยันต์เกจิคณาจารย์ทั่วประเทศ ผสมผสาน ความสวย เป็นเอกลักษณ์ โดดเด่นสวยงาม เหมาะแก่การเป็นของกำนัลที่ล้ำค่ามอบให้ผู้ใหญ่ที่เคารพและนับถือ จัดสร้างไม่มากมีเนื้อ นวะโลหะ, เนื้อมหาชนวน, เนื้อทองแดงผิวรุ้ง, เนื้อทองแดงลงยา รายได้สมทบทุนสร้างรูปหล่อหลวงพ่อคูณองค์ใหญ่ที่สุดในโลกเท่าที่เคยทำมา ประดิษฐานที่วัดบุไผ่ (บ้านไร่) โดยมีมหาพิธีบวงสรวงและพุทธาภิเษก อธิษฐานจิตปลุกเสกโดยหลวงพ่อคูณ และพระเกจิสายหลวงพ่อคูณอีกมากมาย ผู้มีจิตศรัทธาร่วมบุญได้ที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์วัดบุไผ่ หรือวัดบ้านไร่ โทร.๐๘-๙๗๙๗-๙๖๙๓ และ ๐๘-๖๘๘๙-๘๔๘๒

ล็อคเก็ตฉากทองหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ วัดเพชรบุรี



-->


ล็อคเก็ตฉากทองหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ วัดเพชรบุรี


วันพุธที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

เหรียญรุ่นแรก หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ วัดเพชรบุรี สุรินทร์



-->




เหรียญรุ่นแรก หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ วัดเพชรบุรี สุรินทร์
เหรียญรุ่นแรก อายุ ๘๐ ปี 10 มีนาคม พ.ศ.2541  เป็นเหรียญที่ผู้นำไปบูชาแล้วมีประสบการณ์ บ่อยครั้งมาก นับว่าเป็นเหรียญสุดยอดวัตถุมงคลเครื่องรางของขลังสายเขมร เมตตามหาเสน่ห์ เมตตามหานิยม หลวงปู่หงษ์ได้ฤกษ์ทำพิธีมหาพุทธาภิเษกอธิฐานจิตปลุกเสก ประจุ พระคาถาและประจุธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ เข้าสู่วัตถุมงคล เพื่อความสมบูรณ์ตามประเพณี และความศักดิ์สิทธิ์ เข้มขลังถูกต้อง เพื่อประสงค์จะให้ผู้ที่เคารพศรัทธาในองค์หลวงปู่หงษ์ มีไว้บูชาที่บ้านหรือติดตัว จะอยู่เย็นเป็นสุข คุ้มภัยกันภัย และมีความเจริญรุ่งเรือง ในหน้าที่การงาน ค้าขายร่ำรวย แคล้วคลาดปลอดภัย ดีนักแล ฯ หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ วัดเพชรบุรี (สุสานทุ่งมน) ต.ทุ่งมน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ยอดพระเกจิอาจารย์ผู้เปี่ยมไปด้วยเมตตาบารมีแห่งแดนอีสานใต้ หลวงปู่ท่านมีพระเวทวิทยาคมและมีพลังจิตญานสูง วัตถุมงคลที่ท่านอธิษฐานจิตปลุกเสก ล้วนแล้วแต่ศักดิ์สิทธิ์เข้มขลัง ท่านมีบุญญาบารมีมากเป็นที่เคารพบูชา เป็นที่พึ่งของ ของเหล่าบรรดายานุศิษย์และประชาชนทั่วประเทศ และประเทศเพื่อนบ้าน เคยมีผู้สามารถสัมผัส และจับพลังจิตได้ลองสัมผัสพลังจิตวัตถุมงคลของหลวงปู่ หลายท่านบอกว่ามีพลังจิตสูงมาก ดังนั้นวัตถุมงคลของท่านจึงเป็นสุดยอดของดีที่ควรมีไว้บูชาเป็นอย่างยิ่ง

พระคาถาที่ใช้บูชาหลวงปู่หงส์ท่านให้ว่าดังนี้  ตั้ง  ”นะโม ๓ จบ  และท่อง นะเมติ ๑๒ จบ”  นะเมติ พระคาถาบทนี้เป็นคาถาประจำสำนักหลวงปู่หงส์ ที่ไว้ให้ศิษย์ภาวนาเวลาจะสื่อกับครูบาอาจารย์หลวงปู่ท่านเคยบอกว่าเราภาวนา นะเมติ นี้หนาสะเทือนขึ้นไปถึงพรหมโลกหมายถึง นะเมติ นี้ถ้าเราภาวนาจะสื่อไปถึงสุดแดนครูบาอาจารย์ ผู้สถิตย์อยู่บนชั้นพรหมโลกและความหมายของ นะเมติ นี้หลวงปู่ท่านบอกว่าหมายถึงรสน้ำนมแม่พระธรณี คืออาหาร พืชพันธุ์ ข้าวน้ำต่าง ๆ ที่เลี้ยงดูทุก สรรพชีวิตอย่างไม่ลำเอียง ใครจะปลูก ใครจะหว่านใครจะเก็บเกี่ยว เอาไปกินไม่ว่า คนหรือสัตว์ ไม่ว่าคนรวยหรือคนจน พระสงฆ์ เณร ชีหรือ อลัชชี มหาโจร คนต่ำทราม แม่พระธรณีก็ไม่เคยรังเกียจมีคุณให้การเลี้ยงดูเท่าๆกันหมด แล้วแต่ใครจะเก็บเกี่ยวใช้สอยได้มากเท่าใด