เหรียญมนต์พญาปากเข็ดหลวงปู่ทองคำ
สุวโจ
เหรียญมนต์พญาปากเข็ดหลวงปู่ทองคำ
สุวโจ จากภาพเป็นเหรียญเนื้อทองแดงสามกษัตริย์หรือเนื้อ 3 K ซึ่งผู้เขียนได้จองไว้
1 เหรียญ ในราคาจอง 200 บาท รายการลุ้นเนื้อดังนี้
-
เนื้อทองแดงสามกษัตริย์
สร้าง 20,000 เหรียญ
-
เนื้อกะไหล่ทอง สร้าง
30,000 เหรียญ
-
เนื้อทองแดงผิวไฟ สร้าง 50,000 เหรียญ
ผู้เขียนโชคดีได้รับพัสดุมาก็แกะกล่องออก
พระอยู่ในสภาพซิลล์อย่างดี
พอฉีกซิลล์ออกปรากฏว่าเป็นเหรียญเนื้อสามกษัตริย์ 1 ใน 20,000 เหรียญ
เหรียญสวยงามมากครับ เห็นสมาชิกในกลุ่มหลวงปู่ทองคำ สายตรงจากวัด
เปิดประมูลจบด้วยราคา 600-900 บาท/เหรียญ ซึ่งที่จริงแล้ว
กลุ่มนี้ได้บล็อกผู้เขียนออกจากกลุ่มนานแล้ว แต่ผู้เขียนต้อง Log out ออกจากเฟสก่อนถึงจะแอบดูกลุ่มนี้ได้ครับ
"พญาปากเข็ด"
(ปากเข็ด ปากคม ภาษาอีสานพูดแล้วเป็นจริง เรียกว่าปากเข็ด ภาษากรุงเทพฯ
เรียกว่าวาจาสิทธิ์) ตำนานกล่าวไว้ เดิมมันคน...คนทุกข์ คนยากไม่สมประกอบ
ถูกคนเอารัดเอาเปรียบ จึงเข้าไปพบพระฤาษี พระฤษีก็เห็นถึงความทุกข์ยาก ลำบาก
เมื่อถึงคราวหนึ่งสนทนากันแล้ว พญาปากเข็ดได้ขอแลกเปลี่ยนลิ้นกับพระฤาษี
พระฤาษีบอกว่าได้ เมื่อเจ้าได้ลิ้นไปแล้ว เจ้าอยากได้เมืองก็จะได้ จะได้อะไรก็สมความปรารถนา
แก้วแหวนเงินทอง ปรารถนาสิ่งใดย่อมจะได้มา ตำราพญาปากเข็ดนี้หลวงปู่ทองคำ สุวโจ ท่านได้มาแต่ภูเขาควาย
ทรงวาจาสิทธิ์อนุเคราะห์สงเคราะห์ศิษย์มายาวนาน
หลวงปู่ทองคำ
สุวโจ เกิดเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2472 เป็นบุตร นายนวล กันสีชา และ นาง
บุญ กันสีชา มีพี่น้องร่วมท้อง 4 คนโดยหลวงปู่เป็นบุตรคนโต เมื่ออายุ ได้ 14 ปี
หลวงปู่ได้บรรพชาเป็นสามเณร วัดบ้านบ้านคำครั่ง อ.กระนวน จ. ขอนแก่น
หลังจาที่ได้บรรพชาเป็นสามเณรแล้วสนใจในการศึกษาเล่าเรียน
จึงได้ออกเดินทางไปยังสำนักของพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ฝากตัวเป็นลูกศิษย์
พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร และได้ศึกษาตำรามูลกระจายสูตร และพระคาถาต่างๆ
จากพระอาจารย์ฝั้น เป็นเวลาถึง 9 ปี
จากนั้นหลวงปู่จึงได้ลาสิกขา ถึงแม้จะเป็นฆราวาส หลวงปู่ทองคำก็ยังมิขาดที่จะศึกษาพระเวทย์ โดยข้ามฝั่งเดินทางไปศึกษาไปยังประเทศลาว ที่วัดพระบาทโพนสัน จาก พระครูขี้หอม หลังจากนั้นหลวงปู่ได้ข้ามกลับมาฝั่งไทย และอุปสมบทที่วัดราชพิสัย จ.มหาสารคาม โดยมี พระครูพิสัยสังฆกิจ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากอุปสมบทแล้วหลวงปู่ทองคำ ได้เดินทางออกธุดงค์เรื่อยมาตลอด และได้เดินทางไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ หลวงปู่ทองมา ถาวโร และอยู่ปรนนิบัติและศึกษาวิชาต่างๆกับหลวงปู่ทองมา ถาวโร จนกระทั่งหลวงปู่ทองมามรณภาพ หลวงปู่ทองคำ จึงออกเดินธุดงค์ต่อ จนมาถึงจังหวัดพิษณุโลก และตั้งเป็นที่พักสงฆ์ย่านยาว ในอำเภอพรหมพิราม เพื่อใช้ในการจำพรรษา ด้วยศีลจาวัตร และเป็นพระผู้เมตตา ปัจจุบันหลวงปู่มักจะข้ามไปประเทศลาว เพื่อทำนุบำรุงพระศาสนาในประเทศลาวและสงเคราะห์ญาติโยมอยู่อย่างเสมอ
จากนั้นหลวงปู่จึงได้ลาสิกขา ถึงแม้จะเป็นฆราวาส หลวงปู่ทองคำก็ยังมิขาดที่จะศึกษาพระเวทย์ โดยข้ามฝั่งเดินทางไปศึกษาไปยังประเทศลาว ที่วัดพระบาทโพนสัน จาก พระครูขี้หอม หลังจากนั้นหลวงปู่ได้ข้ามกลับมาฝั่งไทย และอุปสมบทที่วัดราชพิสัย จ.มหาสารคาม โดยมี พระครูพิสัยสังฆกิจ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากอุปสมบทแล้วหลวงปู่ทองคำ ได้เดินทางออกธุดงค์เรื่อยมาตลอด และได้เดินทางไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ หลวงปู่ทองมา ถาวโร และอยู่ปรนนิบัติและศึกษาวิชาต่างๆกับหลวงปู่ทองมา ถาวโร จนกระทั่งหลวงปู่ทองมามรณภาพ หลวงปู่ทองคำ จึงออกเดินธุดงค์ต่อ จนมาถึงจังหวัดพิษณุโลก และตั้งเป็นที่พักสงฆ์ย่านยาว ในอำเภอพรหมพิราม เพื่อใช้ในการจำพรรษา ด้วยศีลจาวัตร และเป็นพระผู้เมตตา ปัจจุบันหลวงปู่มักจะข้ามไปประเทศลาว เพื่อทำนุบำรุงพระศาสนาในประเทศลาวและสงเคราะห์ญาติโยมอยู่อย่างเสมอ
ในปี 2561
ย้ายมาปฏิบัติธรรมอยู่ที่อาศรมสุวโจ ตั้งอยู่ที่บ้านหนองเกราะ ต.สำโรงทาบ
จ.สุรินทร์ ปัจจุบัน อายุ 89 ปี พรรษา 37
เป็นพระที่ปฏิบัติดี มีเมตตาธรรมสูงถ่อมตน วัตรปฏิบัติเสมอต้นเสมอปลาย
จึงเป็นพระเถระที่พุทธศาสนิกชนในพื้นที่ให้ความเลื่อมใสเคารพศรัทธาเป็นอย่างมาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น