ความหวัง13 นักฟุตบอลทีมหมูป่าติดถ้ำวนอุทยานถ้ำหลวง
– ขุนน้ำนางนอน
นับเป็นความหวังของ13 นักฟุตบอลทีมหมูป่า
ติดอยู่ในถ้ำวนอุทยานถ้ำหลวง – ขุนน้ำนางนอน ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย
ตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันเสาร์ที่ 23 มิถุนายน 2561 และเป็นความหวังของคนไทยทั้งประเทศ
โดยเฉพาะพ่อแม่ของ13 นักฟุตบอลทีมหมูป่า ที่พระครูบาพ่อบุญชุ่ม ญาณสํวโร
แห่งวัดพระธาตุดอนเรือง มาโปรด
ประวัติพระครูบาพ่อบุญชุ่ม
พระครูบาพ่อบุญชุ่ม ญาณสํวโร
แห่งวัดพระธาตุดอนเรือง เมืองพง รัฐฉาน เกิดเมื่อวันอังคารที่ 5 ม.ค. 2508 เวลา 09.00 น. ที่หมู่บ้านแม่คำหนองบัว ตำบลแม่คำ
อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย มีชื่อเดิมว่า บุญชุ่ม ทาแกง เป็นบุตรของ พ่อคำหล้า
แม่แสงหล้า ทาแกง โดยก่อนที่คุณแม่ตั้งครรภ์ คุณแม่ได้ฝันว่า
ได้ขึ้นภูเขาไปไหว้พระพุทธรูปทองคำองค์ใหญ่เหลืองอร่าม แล้วสะดุ้งตื่น
. เมื่อช่วงวัยเด็ก
เคยป่วยด้วยพิษไข้มาลาเรีย เกือบเอาชีวิตไม่รอด
คุณแม่แสงหล้าจึงนำไปฝากไว้กับญาติผู้ใหญ่ คือแม่คำ พ่อคำหล้า การดำเนินชีวิตของท่านได้รับความลำบากทุกข์ยากต่างๆ
แต่กลับทำให้พระครูบาเจ้าฯ มีความเข้มแข็ง อดทน เป็นนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่
ดังในช่วงที่ท่านอยู่กับลุงน้อยจันตา มีลูกเลี้ยงของลุงเป็นคนเชื้อสายเขมร รังแก
บังคับ ตีต่อย ให้ทำงานหนัก แต่ท่านก็ไม่ถือสาหาความ
เพราะท่านผ่านความทุกข์ใหญ่หลวงมามากแล้ว เรื่องแค่นี้ท่านมีความเข้มแข็ง
ผ่านพ้นไปได้และมีอยู่วันหนึ่ง หลังจากหยุดพักจากงานและนั่งพักผ่อน
ท่านมีนิสัยที่ชอบชุ่มชื่นรื่นเริงจึงขับร้องเล่นซอเมืองเหนืออย่างสบาย อารมณ์
คนงานในบ้านก็โกรธท่านหาว่าเกียจคร้าน
เอาก้อนดินใหญ่มาขว้างปาใส่หัวจนเจ็บและมึนงงไปหมด เกือบสลบ
แต่ท่านก็ไม่บอกเรื่องที่ถูกคนใช้ทำร้ายให้กับคุณลุง คุณป้า
เพราะกลัวคนทำจะเดือดร้อนถูกไล่ออก
.
เมื่อปี 2517
ได้เข้ามาเป็นเด็กวัด ที่วัดบ้านด้าย จนปี 2519
ท่านได้บวชเรียนตามปณิธานที่ตั้งไว้ตั้งแต่เยาว์วัย โดยได้บรรพชาเป็นสามเณรที่
วัดศรีบุญยืน ตำบลป่าสัก อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย
โดยมีพระครูหิรัญเขตคณารักษ์ วัดศรีบุญเรือง อำเภอแม่จัน
เจ้าคณะอำเภอเชียงแสนเป็นพระอุปัชฌาย์ จนต่อมาได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่อปี 2529 และได้จาริกไปตามที่ต่างๆ มากมาย ทั้งภาคเหนือของไทย พม่า เนปาล อินเดีย
ภูฏาน ฯลฯ
. พระครูบาบุญชุ่ม
เป็นที่เคารพนับถือของประชาชนชาวไทยในแถบภาคเหนือ ประเทศลาว ประเทศพม่า
รวมไปถึงสมาชิกพระราชวงศ์ภูฏานด้วย
. สถานที่ตั้งที่พำนัก
ของ "ครูบาบุญชุ่ม" ถ้ำพระโพธิสัตย์ราชคฤห์ แม่แก้ เมืองงาว จ.ลำปาง
ตั้งอยู่ในเขต อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท เป็นถ้ำหินปูนอีกแห่งหนึ่ง
มีหินงอกหินย้อยที่สวยงาม ตั้งอยู่ใกล้หมู่บ้านแม่แก้ อำเภองาว จังหวัดลำปาง
การเดินทางใช้เส้นทางรถยนต์จากอำเภองาวถึงหมู่บ้านแม่แก้ ระยะทางประมาณ 21 กิโลเมตร และเดินทางเท้า เข้าไปยังถ้ำประมาณ 300
เมตร
. องค์พ่อครูบาเจ้าบุญชุ่ม
ญาณสํวโร เคยบอกว่าเคยลาพุทธภูมิแล้ว 3 ครั้ง แต่ลาไม่ได้
เพราะได้รับพุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าแล้ว ท่านเป็นพระนิยตโพธิสัตว์
พวกเราบอกว่าขอเป็นสาวกของท่านได้ไหม ท่านบอกว่าไม่ต้องรอ มันนานมาก ถ้าท่านลาพุทธภูมิได้ท่านจะเข้าพระนิพพานชาตินี้เลย
เพราะท่านพูดว่าท่านเบื่อการเกิดมากเกิดมาแล้วก็เป็นทุกข์ทั้งสิ้น
ท่านบอกว่าถ้าเข้าพระนิพพานได้ก่อนให้เข้าพระนิพพานไปเลย
. องค์พ่อครูบาท่านรักในหลวงมาก
ท่านบอกว่าได้สวดมนต์แผ่เมตตาให้ในหลวงทุกวัน
.องค์พ่อครูบาบอกว่าจะไม่ด่าว่าใคร
เพราะมีวาจาสิทธิ์ เคยว่าคนที่ชอบ ลักเงินทองของพระว่าเทวดาจะไม่รักษาชีวิตภายใน 7 วันจะเสียชีวิต แล้วผู้ชายคนนั้นก็เสียชีวิตจริงๆ โดยประสบอุบัติเหตุ
.
องค์พ่อครูบาท่านบอกว่ามีบางคนคิดไม่ดี
ที่เห็นท่านแจกเงินชาวบ้านความจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้น ลูกศิษย์ที่มาถวายท่าน
ท่านก็ถวายต่ออีกท่านบอกว่ามีหมื่นก็แจกหมื่น มีพันก็แจกพัน ไม่ได้ยึดติดในเงินทองเพราะศรัทธาญาติโยมนำมาทำบุญด้วย
ที่ท่านแจกเพราะท่านได้เผยแพร่บุญให้กับคนที่บริจาคกับท่านให้ได้บุญมากๆ ขึ้น ท่านสั่งให้ลูกศิษย์ทำโกฏบรรจุศพท่าน
ท่านไม่ต้องการให้เผาร่างท่าน เพราะยุงตัวเดียวท่านยังไม่ตบเลย ถ้าเผาท่านกลัวว่า
มดดำ มดแดง สัตว์เล็กสัตว์น้อย จะตาย
. ท่านกล่าวว่าคนที่จะมาพบท่านได้นั้น
เหมือนคนที่ถูกลอตเตอรี่รางวัลใหญ่ ที่มาพบกับท่านได้สนทนาธรรมใกล้ชิดกันนั้น
ต้องมีบุญสัมพันธ์กันมาก่อนถึงจะได้มาพบกัน ท่านกล่าวไว้ในคืนวันศุกร์ที่ 1 มกราคม 2553
. ครูบาบุญชุ่ม
สอนว่า ในโลกจักรวาลนี้ไม่มีอะไรเป็นแก่นสาร
ทุกสิ่งทั้งปวงเกิดดับตามเหตุปัจจัยไหลไปผ่านมาและผ่านไป ไม่มีอะไรเหลืออยู่
ไม่ควรไปยึดมั่นถือมั่นด้วยสิ่งใดทั้งโลกนี้และโลกหน้า
จงตั้งจิตอุทิศชีวิตที่เหลืออยู่น้อยนี้ ถวายเป็นพุทธบูชา
น้อมจิตภาวนาให้รู้แจ้งในรูปนามและสังขารอันไม่เที่ยงทุกข์
เป็นอนัตตาไม่ใช่ตัวตนเราเขาอะไร
รู้แจ้งด้วยปัญญาตามความจริงว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้มีแต่ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป
นอกจากทุกข์แล้วไม่มีอะไร
. พระพุทธเจ้าตรัสสอนว่า
ทุกข์ควรกำหนดรู้ สมุทัยเหตุให้เกิดทุกข์ควรประหาร นิโรธ ควรทำให้แจ้ง
มรรคควรเจริญภาวนาให้เกิด ธรรมะทุกอย่างรวมอยู่ที่จิตดวงเดียว เมื่อจิตรู้ จิตตื่น
จิตเบิกบานอย่างยิ่งแล้วย่อมพ้นจากทุกข์
การบำเพ็ญธรรมปฏิบัติธรรมนี้ไม่ได้หวังเพื่ออะไรเป็นอะไรสักอย่าง
แต่เป็นไปเพื่ออยู่เย็นเป็นสุขในชีวิตประจำวัน
เพื่อความหมดห่วงหมดอาลัยในโลกทั้งสาม เพื่อนิพพานเท่านั้น
ขอให้ทุกคนตั้งใจจริงทำจริงปฏิบัติจริงต่อธรรมะ
อย่าท้อถอยเอาชีวิตเป็นเดิมพันถึงจะตายด้วยการปฏิบัติธรรมก็ยอม
ให้มีกำลังใจเข้มแข็ง และทำจิตให้อ่อนโยนอ่อนน้อมถ่อมตน
. อย่าคิดว่าเราเป็นคนสำคัญให้ทำตนแบบปกติธรรมดาๆ
นี่แหละดีที่สุด เมื่อเราคิดว่าเราเป็นคนสำคัญแล้ว เมื่อผู้อื่นไม่ให้ราคาเรา
ไม่นับถือให้ความสำคัญเราแล้ว
จิตใจเราจะเป็นทุกข์ร้อนรนสับสนวุ่นวายไปตามกระแสโลกธรรม
ขอให้ตั้งใจให้ดีมีสติทุกเมื่อ ทุกขณะจิต เพียงแต่รู้เฝ้า
ดูเฝ้าเห็นกายกับใจเคลื่อนไหวไปตามเหตุปัจจัย เป็นเพียงรูปธรรมนามธรรมเท่านั้น
เป็นเพียงก้อนทุกข์ ก้อนธาตุ เท่านั้น ไม่ควรไปให้ราคาตัวเองและวัตถุธาตุ
สิ่งใดไม่ควรมั่นหมายผูกพันกับสิ่งใดในโลก เราอยู่ในโลกอย่าหลงมายาของโลก ไม่ติดไม่ข้องแวะเกี่ยวกับสิ่งในใจ
มีแต่ใจรู้แจ้ง ปล่อยวางสู่ความว่างสภาพเดิมของธรรมชาติแท้
. ครูบาบุญชุ่มเทศน์ในตอนท้ายว่า
ขอให้ทุกคนจงตั้งจิตตั้งใจให้ดี เราจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ก็ยาก
จะได้มาพบพุทธศาสนาก็ยาก จะพบพ่อดีแม่ดี ครูบาอาจารย์ที่ดีก็ยาก ได้สร้างบารมีมาถึงวันนี้
อายุเราจะยืนมาถึงวันนี้ไม่ใช่ง่าย เราป่วย เราไข้หลายครั้งเพราะว่าทุกดวงจิต
ทุกชีวิต ทุกวิญญาณก็เป็นไปตามกฎของทุกขัง อนิจจัง อนัตตา ก็เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ
มันไม่อยู่เหมือนเดิม ก็ทุกสิ่งทุกอย่างต้องเป็นไปตามธรรมชาติ
ฉะนั้นเราได้ประคับประคองธาตุขันธ์ของเราอายุของเรามาถึงวันนี้บุญที่สุดแล้ว
และเราจะอยู่ต่อไปอีกกี่ปี กี่เดือน กี่วัน กี่ยาม ก็แล้วแต่บุญกุศลของเรา
แล้วแต่ธาตุขันธ์ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของสมมุติ เรายืมเขามาโดยมีธาตุดิน ธาตุน้ำ
ธาตุไฟ ธาตุลมและก็ประกอบด้วยขันธ์ทั้ง ๕ มีรูปธรรมนามธรรมเกิดดับอยู่ตลอด
เมืองม่านหมอก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น