วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ประวัติ หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ วัดบ้านไร่


-->

ประวัติ หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ วัดบ้านไร่  
หลวงพ่อ คูณ ปริสุทฺโธ  (พระราชวิทยาคมเถระ)  วัดบ้านไร่ ตำบล กุดพิมาน ด่านขุนทด นครราชสีมา พระเกจิอาจารย์ชื่อดังที่เคารพของคนไทยทั้งประเทศ
ประวัติ
หลวงพ่อคูณเกิดเมื่อวันพฤหัสบุดีที่ 4 ตุลาคม 2466 ตรงกับแรม 10 ค่ำ เดือน 10 ปีกุน ถือกำเนิดที่บ้านไร่ ม.6 ต.กุดพิมาน อ.อ่านขุนทด จ.นครราชสีมา ในครอบครัวของชาวไร่ชาวนาที่อยู่ห่างไกลความเจริญ บิดาชื่อ นายบุญ ฉัตรพลกรัง มารดาชื่อ นางทองขาว ฉัตรพลกรัง มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 3 คน คือ 1 หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ 2 นายคำมั่ง แจ้งแสงใส 2 นางทองหล่อ เพ็ญจันทร์ มารดาคือ นางทองขาว เล่าให้เพื่อนบ้านฟังว่า ก่อนตั้งครรภ์ กลางดึกของคืนวันหนึ่งเวลาประมาณตี 3 นางได้ฝันเห็นเทพองค์หนึ่ง มีกายเรืองแสงงดงาม ลอยลงมาจากสวรรค์ มาที่บ้านของนางและกล่าวว่า... เจ้าและสามีเป็นผู้มีศีลธรรม เมตตาต่อสรรพสัตว์ทั้งปวง ประกอบการงานอาชีพด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ทั้งยังสร้างคุณงาม ความดีมาตลอดหลายชาติ เราขออำนวยพรให้เจ้า และครอบครัวมีแต่ความสุขสวัสดิ์ตลอดไป และเทพองค์นั้นยังได้มอบดวงแก้วใสสะอาดสุกว่างให้แก่นางด้วย "ดวงมณีนี้ เจ้าจงรับไปและรักษาให้ดีต่อไปภายหน้า จะได้เป็นพระพุทธสาวกหน่อเนื้อพระชินวร (พระผู้ชนะอันประเสริฐ) เพื่อสืบพระพุทธศาสนา เป็นเนื้อนาบุญ ที่พึ่งของสัตว์โลกทั้งปวง"
การศึกษา
เนื่องด้วยบุรพกรรมและสังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยงแท้แน่นอน บิดามารดาของหลวงพ่อคูณ ได้เสียชีวิตลงในขณะที่ลูกทั้ง 3 คน ยังเป็นเด็ก หลวงพ่อคูณกับน้อง ๆ จึงอยู่ในความอุปการะของน้าสาว สมัยที่หลวงพ่อคูณอยู่ในวัยเยาว์ 6-7 ขวบ ได้เข้าเรียนหนังสือ กับพระอาจารย์ฉาย และพระอาจารย์หล ทั้งภาษาไทย และภาษาขอม นอกจากนี้พระอาจารย์ทั้ง 3 ยังมีเมตตาอบรมสั่งสอนวิชา คาถาอาคม เพื่อป้องกันอันตรายต่าง ๆ ให้แก่หลวงพ่อคูณด้วย นับว่าหลวงพ่อคูณรู้วิชาไสยศาสตร์มาแต่เยาว์วัย "ค่ำคืนอันมืดมิดมิอาจบดบังแสงอันสกาวใส ของพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณาได้ไม่"
อุปสมบท

หลวงพ่อคูณอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดถนนหักใหญ่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา เมื่อวันศุกร์ที่ 5 พฤษภาคม 2487 ปีวอก หลวงพ่อคูณได้รับฉายาว่า ปริสุทโธ หลังจากที่หลวงพ่อคูณอุปสมบทเป็นพระภิกษุเรียบร้อยแล้ว ท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อแดง วัดบ้านหนองโพธิ์ ต.สำนักตะคร้อ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา หลวงพ่อแดง เป็นพระนักปฏิบัติทางด้านคันถธุระ และวิปัสสนาธุระ อย่างเคร่งครัด และทั้งเป็นพระเกจิอาจารย์ที่เรืองวิทยาคมเป็นอย่างยิ่ง จนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของผู้คนและลูกศิษย์เป็นอย่างมาก หลวงพ่อคูณตั้งใจร่ำเรียนพระธรรมวินัย ตามรอยพระพุทธองค์ ที่ตรัสไว้ว่า...
" เทว เม ภิกขเว วิชชา ภาคิยา" ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย วิชานั้นมีอยู่  2 อย่าง คือ
1. สมถะ ความสงบระงับแห่งจิตที่ปราศจากกิเลสอาสวะทั้งปวง
2. วิปัสสนา ความเห็นแจ้งซึ่งธรรมเบื้องสูงอันสุขุมลุ่มลึก ในทางพุทธศาสนาและจงเดินตามหนทางนั้นเถิด...พิจารณาว่า ความเกิดเป็นธรรมดา หาล่วงความเกิดนี้ได้ไม่
หลวงพ่อคูณ ได้อยู่ปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อแดงมานานพอสมควร หลวงพ่อแดงจึงพาหลวงพ่อคูณไปฝากตัวเป็น ลูกศิษย์หลวงพ่อคง พุทธสโร ซึ่งหลวงพ่อทั้งสองรูปนี้ เป็นเพื่อนกันต่างให้ความเคารพซึ่งกันและกัน เมื่อมีโอกาสได้พบปะ มักแลกเปลี่ยนธรรมะ ตลอดจนวิชาอาคมแก่กันเสมอ หลวงพ่อคงสอนเน้นเรื่องการมี "สติ" ระลึกรู้ พิจารณาอารมณ์ต่าง ๆ ที่มากระทบและให้เกิดความรู้เท่าทัน ในอารมณ์นั้น เช่น เมื่อเกิดอารมณ์ "หลง" ท่านให้พิจารณาว่า...
"อนิจจัง ไม่เที่ยง
ทุกขัง เป็นความทุกข์
อนัตตา ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ของเขา
สักแต่ว่าเป็นรูป เป็นนาม
จึงมิใช่ของเราและของเขา"
ศัตรูที่แท้จริงของคนคือ โลภ โกรธ หลง ต้องแก้ด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา เวลาล่วงเลยนานพอสมควร กระทั่งหลวงพ่อคงเห็นว่า ลูกศิษย์ของตนมีความรอบรู้ชำนาญการปฏิบัติธรรมดีแล้ว จึงแนะนำให้ออกธุดงค์จาริกไปตามป่าเขาลำเนาไพร ฝึกปฏิบัติธรรมเบื้องสูงต่อไป แรก ๆ หลวงพ่อคูณก็ธุดงค์ จาริกอยู่ในเขตจังหวัดนครราชสีมา จากนั้นจึงจาริกออกไปไกล ๆ กระทั่งถึงประเทศลาว และประเทศเขมร มุ่งเข้าสู่ป่าลึก เพื่อทำความเพียรให้เกิดสติปัญญา เพื่อการหลุดพ้น จากกิเลส ตัณหา และอุปทานทั้งปวง พิจารณาว่า ความแก่เป็นเรื่องธรรมดา หาล่วงความแก่ได้ไม่
สู่มาตุภูมิ
หลังจากที่พิจารณาเห็นสมควรแก่การปฏิบัติแล้ว หลวงพ่อคูณจึงออกเดินทางจากประเทศเขมรสู่ประเทศไทย เดินข้ามเขตด้านจังหวัดสุรินทร์ สู่จังหวัดนครราชสีมา กลับบ้านเกิดที่บ้านไร่ จากนั้นจึงเริ่มดำเนินการก่อสร้างถาวรวัตถุทาง พระพุทธศาสนา โดยเริ่มสร้างอุโบสถ พ.ศ.2496 นอกจากการก่อสร้างอุโบสถแล้ว หลวงพ่อคูณยังสร้างกุฏิสงฆ์ ศาลาการเปรียญ ขุดสระน้ำไว้เพื่อุปโภคและบริโภค และที่สำคัญยังสร้างโรงเรียนไว้เพื่อเด็กบ้านไร่อีกด้วย การให้ทรัพย์ตั้งทุนหนุนศึกษา เรียนธรรมาศาสน์พุทธพิศุทธิ์ใส ก็ชื่อว่าธรรมทานยานนำไป สู่เมืองใหญ่คือนิพพานสุขศานต์เอย
ละสังขาร
หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ได้ละสังขารเมื่อเวลา 11.45 น. ของวันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 หลังจากอาพาธมาเป็นเวลาหลายปี ณ ห้องอายุรกรรมผู้ป่วยหนัก โรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา สิริรวมอายุ 91 ปี พรรษา 71




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น